ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ข่าวเด่น / ไฮไลท์ ย้อนกลับ
ครม.ไฟเขียวให้แรงงานกัมพูชา ลาว เมียนมา กว่า 2,000,000 คน ที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดปี 2562 และ 2563
30 ส.ค. 2562

ครม.ไฟเขียวให้แรงงานกัมพูชา ลาว เมียนมา กว่า 2,000,000 คน ที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดปี 2562 และ 2563 นำเข้า MOU โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร 

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมาเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา กลุ่มที่ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน และ 1 พฤศจิกายน 2562 และวันที่ 31 มีนาคม 2563 และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่หมดอายุ เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยตาม MOU โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร โดยกลุ่มที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุ 30 กันยายน และ 1 พฤศจิกายน 2562 เริ่มดำเนินการ 2 กันยายน 2562 ส่วนกลุ่มที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุ 31 มีนาคม 2563 เริ่มดำเนินการ 16 ธันวาคม 2562 และอนุญาตให้ทำงานไม่เกิน 2 ปี

หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา กลุ่มที่ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่หมดอายุ  (ไม่รวมกลุ่มที่นำเข้าตามระบบ MOU) และกลุ่มที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ยังมีอายุเหลืออยู่ในวันที่ไปยื่นขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว สามารถดำเนินการในลักษณะนำเข้าตาม MOU โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร และอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 2 ปี โดยประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร (ขออยู่ต่อ) ครั้งละไม่เกิน 1 ปี  ส่วนการอนุญาตทำงานจะอนุญาตไม่เกิน 2 ปี โดยแยกเป็น 2 ห้วงเวลา คือ 1.ใบอนุญาตทำงานหมดอายุตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2563 ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564  2. ใบอนุญาตทำงานหมดอายุตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ถึง 30 มิถุนายน 2563 ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 

หน่วยงานที่จะดำเนินการประกอบด้วย 1. กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานรับเอกสารในขั้นตอนแรกและออกใบอนุญาตทำงาน 2. กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ 3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรต่อไป (ขออยู่ต่อ) โดยอนุญาตครั้งละไม่เกิน 1 ปี 4. กระทรวงมหาดไทย จัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งด้านหลังบัตรจะเป็นใบอนุญาตทำงาน 

สำหรับระยะเวลาดำเนินการเพื่อขอรับใบอนุญาตทำงานและการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรต่อไปจะเริ่มวันที่ 2 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ดำเนินการ 2 รูปแบบคือ 1. เริ่มดำเนินการวันที่ 2 กันยายน 2562 สำหรับกลุ่มใบอนุญาตทำงานหมดอายุตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2563  ณ สถานที่ตั้งของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. เริ่มดำเนินการวันที่ 16 ธันวาคม 2562 สำหรับกลุ่มใบอนุญาตทำงานหมดอายุตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ดำเนินการในลักษณะศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) โดยในกรุงเทพมหานครมอบหมายให้อธิบดีกรมการจัดหางานเป็นผู้พิจารณา ในส่วนภูมิภาคมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา 

ด้าน นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่จะต้องดำเนินการดังกล่าว จำนวน 2,001,379 คน แบ่งเป็น 1. กลุ่มที่การอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2563 มีจำนวน 261,491 คน เป็นกลุ่มพิสูจน์สัญชาติเดิม จำนวน 243,093 คน กลุ่มประมงฯ มาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558  จำนวน 12,040 คน กลุ่มจัดทำ/ปรับปรุงทะเบียนประวัติ จำนวน 6,358 คน และ 2. กลุ่มที่การอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 มีจำนวน 1,739,888 คน โดยเป็นกลุ่มพิสูจน์สัญชาติเดิม จำนวน 558,443 คน และกลุ่มจัดทำ/ปรับปรุง ทะเบียนประวัติ จำนวน 1,181,445 คน ทั้งนี้ ขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการจ้างแรงงานต่างด้าวที่สำนักงาน
จัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หากพบว่าข้อมูลยังไม่เป็นปัจจุบัน เช่น มีการรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาใหม่หรือเพิ่งเลิกจ้างแรงงานต่างด้าว ก็ให้แจ้งเข้า-ออกจากงานของแรงงานต่างด้าวภายใน 15 วัน เป็นต้น นอกจากนี้ หากไม่พบข้อมูลการอนุญาตทำงานในฐานข้อมูล ขอให้นายจ้าง/สถานประกอบการประสานกับสำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่เพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...