ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
ผลสำเร็จนวัตกรรมต้นแบบ ‘บ้านเบอร์ 5’ ของ กฟผ. อยู่สบาย ประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟ ลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน
16 เม.ย. 2563

            โครงการบ้านเบอร์ 5 หรือโครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในบ้านที่อยู่อาศัย นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยต้นแบบ ‘บ้านเบอร์ 5’ ที่สามารถลดค่าไฟฟ้าได้กว่า 1.66 ล้านบาทต่อปี ซึ่ง กฟผ. ได้ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ ทดลองใช้งาน ณ โครงการเคหะชุมชนฯ บ่อวิน จังหวัดชลบุรี เป็นแห่งแรก และตั้งเป้าพัฒนาให้เกิดบ้านเบอร์ 5 ทั่วประเทศภายใน 5 ปี

ตามส่องนวัตกรรม ‘บ้านเบอร์ 5’

          คุณรู้จัก ‘ฉลากเบอร์ 5’ ไหม? เชื่อว่าหลายคนคงพยักหน้าอยู่ในใจ...

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘นวัตกรรมฉลากเบอร์ 5’ ของ กฟผ. ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2536 ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถประหยัดพลังงานให้กับประเทศและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเห็นผล และนั่นได้ทำให้ กฟผ. คิดต่อยอดฉลากเบอร์ 5 สู่ไอเดียใหม่ นั่นคือ ‘โครงการบ้านเบอร์ 5’ ซึ่งเป็นอีกโครงการที่ กฟผ. พัฒนาได้สำเร็จ พร้อมเปิดต้วบ้านนำร่องหรือต้นแบบบ้านนวัตกรรมเบอร์ 5 ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก่อนจะไปพบหน้าตา ‘บ้านเบอร์ 5’ จะพาคุณไปทำความรู้จักแนวคิดของ ‘บ้านเบอร์ 5’ กันก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

          โครงการ ‘บ้านเบอร์ 5’ เป็นโครงการภาคสมัครใจ มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการออกแบบบ้าน รวมถึงการใช้วัสดุและอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพที่มีแนวคิด 4E ก็คือ

          Eco Design ออกแบบบ้านหรืออาคารโดยพึ่งพาหรือใช้สอยประโยชน์จากธรรมชาติอย่างเหมาะสม เช่น การใช้แสงธรรมชาติ การอาศัยทิศทางลม ฯลฯ

          Envelope เป็นการเลือกใช้วัสดุกรอบอาคารที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม โดยเลือกวัสดุผนัง หลังคา หรือกระจก ที่มีประสิทธิภาพ ลดการนำความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านหรืออาคาร

          Electrical Equipment เป็นการเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดฉลากเบอร์ 5

          Energy Management การบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมจัดการพลังงานอย่างเหมาะสม

ความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และการเคหะแห่งชาติสู่ต้นแบบ ‘บ้านเบอร์ 5’

          เมื่อแนวคิดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ต่อยอดสู่โครงการ ‘บ้านเบอร์ 5’ นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ทาง กฟผ. ได้ร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินโครงการฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย พร้อมพัฒนาปรับปรุงการออกแบบบ้าน รวมถึงเลือกใช้วัสดุการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูง และอุปกรณ์เบอร์ 5 ในโครงการบ้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง กระทั่งสามารถเปิดตัว ‘บ้านเบอร์ 5’ แห่งแรก ณ โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนเชิงสังคม จังหวัดชลบุรี (บ่อวิน) ซึ่งสามารถลดภาระค่าไฟฟ้าให้ผู้อยู่อาศัยได้กว่า 1.66 ล้านบาทต่อปี ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 415,000 หน่วยต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 210 ตันต่อปี พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าหมายมุ่งพัฒนาให้เกิดบ้านเบอร์ 5 ในอีก 7 พื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย เคหะชุมชนเชิงพาณิชย์ ปทุมธานี (รังสิตคลอง 5), อาคารชุดประชานิเวศน์ 3 , เคหะชุมชนเชิงพาณิชย์ ขอนแก่นกรีนวิลล์ , เคหะชุมชนเชิงพาณิชย์ บุรีรัมย์ 2 , เคหะชุมชนเชิงสังคม อยุธยา (บางปะอิน) ระยะ 2 , เคหะชุมชนเชิงพาณิชย์ จันทบุรี และเคหะชุมชนเชิงพาณิชย์ สระบุรี บ้านสวนปากเพรียว

บ้านแบบไหนคือ ‘บ้านเบอร์ 5’

          ‘บ้านเบอร์ 5’ ในโครงการเคหะชุมชนฯ บ่อวิน ตั้งอยู่บริเวณตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขนาดที่ดินทั้งโครงการประมาณ 45.56 ไร่ จัดสร้างเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 415 หน่วย ขนาดพื้นที่ประมาณ 21 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในประมาณ 54 ตารางเมตร และพื้นที่ใช้สอยภายนอกประมาณ 5.5 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และพื้นที่รับแขก ซึ่งโครงการนี้ได้มีการนำเกณฑ์ประเมินโครงการชุมชนน่าอยู่อย่างยั่งยืน (Eco Village) และหลักเกณฑ์ในการออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทุกคน (Universal Design) มาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบวางผังโครงการและออกแบบอาคาร

          ดังที่กล่าวไปแล้วว่า โครงการ ‘บ้านเบอร์ 5’ เป็นโครงการภาคสมัครใจ ดังนั้นหากโครงการอสังหาริมทรัพย์เอกชนใด มีความต้องการให้บ้านทุกหลังในโครงการติด ‘ฉลากบ้านเบอร์ 5’ ดูจะเป็นความท้าทายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะการจะสร้างบ้านให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์บ้านเบอร์ 5 นั้นก็ต้องผ่านเกณฑ์ค่าประสิทธิภาพพลังงานของบ้านเบอร์ 5 ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งมีการพิจารณาอยู่ 2 ส่วนได้แก่

          เกณฑ์ประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency) พิจารณาค่าน้ำหนักถึงร้อยละ 80 โดยพิจารณาจากค่าการถ่ายเทความร้อนของผนัง ค่าการถ่ายเทความร้อนของหลังคา ระบบปรับอากาศ และไฟฟ้าแสงสว่าง

          เกณฑ์เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พิจารณาค่าน้ำหนักร้อยละ 20 ซึ่งในเกณฑ์นี้ก็จะพิจารณาจากการออกแบบพึ่งพาธรรมชาติและนวัตกรรมเพื่ออนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

          เกณฑ์บ้านเบอร์ 5 นั้น ต้องผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำและคะแนนรวมต้องไม่น้อยกว่า ร้อยละ 85 หรือ 102 คะแนน

เสียงยืนยันจากเจ้าของบ้านเบอร์ 5 ตัวจริง

          คุณอานันท์ สายแวว พนักงานบริษัท เจ้าของบ้านเบอร์ 5 โครงการเคหะชุมชนฯ บ่อวิน เล่าว่า “ย้ายจากหอพักมาซื้อบ้านที่นี่ โดยหนึ่งในเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกซื้อบ้านของโครงการนี้ เนื่องจากทราบว่าเป็นบ้านที่อยู่สบายและประหยัดพลังงาน โดยหลังจากได้เข้ามาอยู่พบว่า ค่าไฟลดลงจริงเมื่อเทียบกับตอนอยู่หอพัก จากค่าไฟซึ่งเคยจ่ายอยู่เดือนละประมาณ 500 บาท ลดเหลือประมาณ 300 บาท ซึ่งภายในบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น ทั้งตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า พัดลม เป็นต้น การประหยัดไฟที่เห็นได้ชัดเจนคือ ไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันและตอนกลางคืนไม่ต้องเปิดไฟมาก เนื่องจากที่บ้านมีหน้าต่างเยอะนี่เอง ทำให้แสงไฟจากภายนอกส่องถึง อีกทั้งยังทำให้ลมโกรก เย็นสบาย ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศทุกคืน นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนบ้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประหยัดไฟได้จริง ทั้งยังอยู่สบาย คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น”

          สำหรับโครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยหรือ ‘บ้านเบอร์ 5’ เป็นมาตรการหนึ่งที่สนับสนุนให้เกิดการยกระดับการใช้พลังงานในภาคที่อยู่อาศัยของประเทศ รองรับเป้าหมายการลดการใช้ไฟฟ้าตามกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานในปี 2558 - 2579 โดยเชื่อมโยงเกณฑ์ประเมินพลังงานกับมาตรฐานประสิทธิภาพอาคารขั้นต่ำหรือ Building Energy Code ซึ่งจะมีการขยายผลสู่ความร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจภาคที่อยู่อาศัยในภาคเอกชนต่อไป

          หลังจากความสำเร็จของบ้านเบอร์ 5 นี้แล้ว รับรองได้ว่า กฟผ. จะไม่หยุดพัฒนาโครงการดี ๆ ที่ส่งผลต่อการสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนสืบไปอย่างแน่นอน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...