ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สภาพัฒน์ฯ เผยผลสำรวจประชาชน-ธุรกิจ พบส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยา เหตุติดเงื่อนไข
23 เม.ย. 2563

สภาพัฒน์ฯ สำรวจข้อคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ปัญหาและความต้องการของภาคธุรกิจที่เกิดจากการระบาด COVID-19 จาก 8,929 คน ทั่วประเทศ พบคนส่วนใหญ่ ถึง 88% ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ และมาตรการช่วยเหลือ อาจจะไม่เพียงพอ หากสถานการณ์ยาวนานกว่า 3 เดือน มีเพียง 12% ที่ยืนยันว่าได้รับความช่วยเหลือ

ทั้งนี่ รายงานข่าวจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า สภาพัฒน์ได้เสนอรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมรับทราบ ถึงผลสำรวจข้อคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนปัญหาและความต้องการของภาคธุรกิจที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จากกลุ่มเป้าหมาย 8,929 คน ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 9-14 เม.ย.63

จากผลการสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่ ถึง 88% ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ และมาตรการช่วยเหลือ อาจจะไม่เพียงพอ หากสถานการณ์ยาวนานกว่า 3 เดือน โดยมีเพียง 12% ที่ยืนยันว่าได้รับความช่วยเหลือ

ส่วนข้อมูลที่ได้จาก "นายจ้าง" พบว่า 89% ไม่ได้รับการช่วยเหลือเพราะส่วนใหญ่ติดเงื่อนไข โดยมองว่ามาตรการด้านการเงินที่ได้รับยังไม่เพียงพอต่อการพยุงธุรกิจ หรือแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในช่วงวิกฤติ 3-6 เดือน และต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านการลดภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ รวมถึงการเตรียมเงินทุนสำหรับการฟื้นฟูกิจการ โดยกลุ่มนายจ้าง มีข้อเสนอแนะดังนี้

- เร่งกระบวนการช่วยเหลือให้ถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเร็ว เช่น ลดขั้นตอนติดต่อและการดำเนินงานของภาครัฐ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และเร่งการเบิกจ่ายช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มโดยตรง เป็นต้น

- ปรับลดภาษี ในส่วนของภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเพิ่มวงเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่บุคคลสามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้

- ผ่อนปรนเงื่อนไขในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เช่น การกำหนดอายุของบริษัท การอิงกับยอดขาย และการกำหนดวางค้ำประกัน เป็นต้น

- อนุญาตให้ลูกจ้างสามารถนำเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนประกันสังคมมาใช้ล่วงหน้าได้ โดยกำหนดระยะเวลาชำระคืน 9 –12 เดือนแบบปลอดดอกเบี้ย

- ผ่อนปรนธุรกิจบางประเภทให้สามารถเปิดทำการได้โดยมีเงื่อนไข อาทิ ให้ผ่อนคลายเรื่องการให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารที่ร้าน โดยยึดหลักเกณฑ์และระเบียบตามมาตรการด้านสาธารณสุข

- สนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ของ SMEs โดยการส่งเสริมจัดตั้งกองทุนการเงินเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมแฟรนไชส์ในการลดภาระการเข้าถึงแหล่งเงินกู้

ส่วนข้อมูลจาก "ลูกจ้าง พนักงาน แรงงาน" ส่วนใหญ่ 88% ระบุว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะส่วนใหญ่ติดเงื่อนไขเช่นกัน ทั้งนี้ แม้ส่วนใหญ่ได้รับความช่วยเหลือด้านการลดภาระค่าใช้จ่ายและมาตรการด้านการคลัง แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องการความช่วยเหลือด้านการลดภาระค่าใช้จ่าย ลดหนี้สิน และการเสริมสภาพคล่องด้านการเงินเพิ่มเติม เพื่อประคับประคองให้รอดพ้นจากช่วงวิกฤตอย่างน้อย 3 เดือน

ด้านข้อมูลจากกลุ่ม "อาชีพอิสระ" ส่วนใหญ่ 89% ระบุว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือ เพราะยังติดเงื่อนไขเช่นกัน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ส่วนใหญ่มีรายได้ไม่แน่นอน และไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเนื่องจากติดปัญหาด้านเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนดไว้ ดังนั้น กลุ่มนี้ต้องการให้ภาครัฐผ่อนปรนเงื่อนไขให้เหมาะสมและเร่งช่วยเหลือด้านการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคในชีวิตประจำวัน และการผ่อนปรนภาระหนี้สิน

ขณะที่ข้อมูลจากกลุ่ม "ผู้ว่างงาน" ส่วนใหญ่ 91% ระบุว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือ เพราะติดเงื่อนไขเช่นกัน ทั้งนี้ผู้ว่างานเป็นกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด แต่กลับเข้าถึงความช่วยเหลือน้อยที่สุด และมีแนวโน้มจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน หากภาครัฐไม่เพิ่มความแรงในการเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากผู้ว่างงานมีภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

สำหรับข้อเสนอแนะในภาพรวมจากทุกกลุ่ม ประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก ดังนี้

1.เพิ่มการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ

- ควรขยายมาตรการช่วยเหลือให้ให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มตามลักษณะความต้องการที่เหมาะสม ไม่ควรกำหนดมาตรการเดียวเพื่อประชาชนทั้งประเทศ

- ลดเงื่อนไขการเข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือ โดยกำหนดสิทธิการเข้าถึงการช่วยเหลือที่ชัดเจนเหมาะสม และเสมอภาค และเพิ่มช่องทางการประสานงานช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ

- จัดหางานให้กับประชาชนที่ถูกเลิกจ้างจากสถานการณ์โควิด-19 ด่วนที่สุด

2.ลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการและประชาชน

- สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและพักหนี้โดยปราศจากเงื่อนไขที่มีความซับซ้อน/ยุ่งยาก และมีมาตรฐานเดียวกันทุกสถาบันการเงิน

- คืนภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามสัดส่วนขนาดธุรกิจ คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม งดเว้นการจัดเก็บภาษีท้องถิ่น และเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

3. ผ่อนปรนธุรกิจบางประเภทให้เปิดทำการได้โดยมีเงื่อนไข อาทิ ให้ผ่อนคลายเรื่องการให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารที่ร้าน โดยยึดหลักเกณฑ์และระเบียบตามมาตรการด้านสาธารณสุข

4. ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่จำเป็น เพื่อนำงบประมาณมาใช้ในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...