ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
ชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย
18 พ.ย. 2563

การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย จำนวน 36 ราย โดยมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมาเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้รับความสนใจ เพราะมีการขยับพ่อเมืองถึง 3 จังหวัด ขึ้นนั่งเก้าอี้รองปลัดกระทรวงมหาดไทย3 เก้าอี้ด้วยกัน โดยเฉพาะ1 ใน 3 พ่อเมืองนั้นก็คือ ชยาวุธ จันทร พ่อเมืองจากแดนดินถิ่นเมืองโอ่ง ราชบุรี

ชยาวุธ จันทร ซึ่งปัจจุบันคือรองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวได้ว่า เป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่มีผลงานเข้าตาต่อเนื่องมาเป็นลำดับ นับแต่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาดไทย แม้กระทั่งล่าสุดต่อสถานการณ์โควิค-19 ที่เริ่มแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศไทยเพราะเป็นเรื่องที่ฮือฮาไม่น้อย เมื่อ "ราชบุรีโมเดล"ถูกเรียกขานขึ้น เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2563 ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี โดยเป็นจังหวัดแรกที่ออกมาตรการแจกเงิน 2,000 บาทเยียวยาประชาชนราชบุรี โดยวิธีผ่านกาชาดจังหวัดราชบุรี ในฐานะนายกสมาคมเหล่ากาชาดจังหวัดราชบุรี ใช้งบประมาณเงินสงเคราะห์ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งก็มีคัดกรองให้แก่ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ

และ“อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก”ฉบับนี้ จะขอนำท่านผู้อ่านมารู้จักกับรองปลัดกระทรวงมหาดไทยป้ายแดงผู้นี้ทั้งในอดีต ชีวิตการทำงาน รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบโดยท่านรองปลัดมหาดไทย เริ่มเล่าให้ฟังว่า เกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2507จบการศึกษาประถมปีที่ 3 ที่โรงเรียนวีระศิลป์ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จากนั้นมาต่อชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนดรุณาราชบุรี อ.เมือง จ.ราชบุรี แล้วมาต่อที่โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน

ส่วนในระดับชั้นปริญญาจบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 รั้วจามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และพัฒนบริหารศาสตร์มหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

พอเรียนจบก็สอบเข้ารับราชการที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มาบรรจุที่กรมเจ้าท่าเมื่อปี 2528จากนั้นก็โอนไปอยู่สำนักงาน ก.พ.เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์งานบุคคล ทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์แผนโครงสร้างอัตรากำลังของกรมการปกครองได้ประมาณ 2 ปี ก็โอนมาที่กองการเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ขณะเดียวกันก็สมัครสอบบัญชีปลัดอำเภอไว้อยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้ไปรายงานตัวเพราะได้โอนมาก่อนแล้ว ก็อยู่ได้ 3 ปี ก็ไปอยู่ต่างจังหวัดที่อยุธยา พัทลุง แล้วก็ย้อนกลับมาเข้ากรม

ส่วนย่างก้าวเข้าสู่รั้วมหาดไทยนั้น รองฯ ชยาวุธ เล่าว่า จากนั้นก็สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอได้ จบมาระหว่างรอบรรจุก็มาเป็นหัวหน้าฝ่ายสำนักปกครองท้องที่ แล้วก็ไปช่วยราชการก.พ.ทดลองเรื่องเกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นด้วยการเอาเรื่องสาธารณสุข การศึกษาไปอยู่กับ อบต.ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะนับเป็นที่มาของเรื่องการกระจายอำนาจ แล้วก็กลับมาที่กรมการปกครองในส่วนของความมั่นคงทำงานด้านการข่าว

“จากนั้นก็ไปเป็นปลัดอาวุโสอยู่ที่จังหวัดราชบุรีเพราะมีความคิดว่าน่าจะมาฝึกงานเพื่อเตรียมตัวเป็นนายอำเภอ ซึ่งในส่วนการทำงานตรงนี้มีความภาคภูมิใจเพราะได้รับคำชมว่าเป็นปลัดนายอำเภอที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา จากนั้นก็ได้ไปเป็นนายอำเภอครั้งแรกที่อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร โดยในสมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ก็เข้าไปร้านหนังสือไปดูแผนที่เพื่อที่จะไปดูว่าอำเภอนี้อยู่ตรงไหน ตอนนั้นก็รู้สึกว่าไกลมากแต่พอไปทำงานจริงแล้วกลับมีความสุข ทำงานเกี่ยวกับเรื่องของการปราบอบายมุขและเรื่องของความสะอาด ก็ได้รับคำชมได้รับคัดเลือกให้เป็นนายอำเภอของประชาชนและของจังหวัด”

จากนั้นก็ย้ายมาเป็นนายอำเภอที่นครราชสีมา โดยรองฯ ชยาวุธ บอกว่า มาถึงตรงนี้ได้ทำงานตามที่ตั้งใจไว้ จนได้รับ“รางวัลเสาเสมาธรรมจักร”ในสาขาเรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมากเพราะได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ จากนั้นก็ได้รับแต่งตั้งให้โอนมาเป็นผู้อำนวยการกองสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันดำรงราชานุภาพ ระดับ 9อยู่ได้ 2 ปี ก็ถูกย้ายโอนกลับไปกรมการปกครองอีกรอบไปเป็นปลัดจังหวัดนครนายกอีก 2 ปี ตอนนั้นก็ทำงานได้ประสบการณ์อย่างมาก ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รองผู้ว่าฯปราจีนบุรี และรองผู้ว่าฯโคราช

“เรื่องที่ภาคภูมิใจในการทำงานนี้เลยคือเรื่องของการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเชิงรุกร่วมกับ ปภ.จังหวัด เพราะโคราชมีจุดน้ำท่วมเมืองอยู่หลักๆคือหน้าจวนผู้ว่าฯ หน้าสำนักงานปภ.เขต ที่หมู่บ้านจามจุรี ซึ่งจุดเหล่านี้น้ำท่วมสูงมาก ก็ได้ทำงานแบบเชิงรุกเตรียมพร้อมป้องกันแก้ไขปัญหานี้เอาไว้เนิ่นๆก็ปรากฎว่าจากที่เคยท่วมสูงมากก็ท่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

จากนั้นก็ไปเป็นผู้ว่าฯ ที่จังหวัดมหาสารคามทำงานเรื่องที่ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับการสอบบรรจุ อบต. ก็ตั้งกรรมการสอบนำไปสู่การชี้มูลว่ามีการทุจริตในการสอบจนมีคำสั่งปลดนายกอบต.32 แห่ง เมื่อปี 2558แล้วก็ถูกแต่งตั้งให้ไปเป็นผู้ว่าฯจังหวัดอุดรธานี2 ปีต่อมาก็ขอผู้บังคับบัญชาขอกลับบ้านเนื่องจากคุณแม่ป่วยต้องดูแลก็เลยย้ายกลับมาเป็นผู้ว่าฯราชบุรีอีก 3 ปี และก็มาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องความมั่นคงดูแลเรื่องงานกรมการปกครองกับกรมที่ดิน รองฯ ชยาวุธ กล่าว พร้อมกับเปิดเผยด้วยว่า

ถ้าให้พูดถึงตัวเองก็คิดว่าเป็นคนง่ายๆ สบายๆ และเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากคุณแม่เคยเปิดร้านหนังสือนิตยสาร ก็เลยซึมซับ ถูกปลูกฝังรักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้เป็นคนที่มีความรอบรู้ในหลายๆ เรื่อง และจากสิ่งต่างๆที่ชอบอ่านนี่เอง เวลาทำงานก็เลยมีพื้นฐานที่ดี ซึ่งการได้อ่านมากก็สามารถที่จะนำเสนอได้ จับประเด็นได้ดีก็เลยเป็นประโยชน์ในการทำงาน

สำหรับคติที่ยึดถือ รองฯ ชยาวุธ บอกว่า คือเวลาทำงานอะไรก็ตามจะทำให้เต็มที่เต็มกำลังความสามารถของตัวเองและต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาในการทำงานไม่เคยกลับก่อนผู้บังคับบัญชาอีกทั้งเรื่องของอ่านหนังสือการร่างหนังสือต่างๆ เป็นคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้โดยเมื่อเวลาร่างอะไรไปส่วนใหญ่ผู้บังคับบัญชาจะไม่ค่อยแก้อะไร เพราะนั่นเกิดขึ้นากมีความตั้งใจและให้ความสำคัญจริงๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นผลมาจากที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นเรื่องของการอ่านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปลูกฝังให้กับเด็กและเยาวชนด้วยเพราะเรื่องนี้สามารถต่อยอดไปยังเรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องของการทำงานด้วย

ส่วนกิจกรรมยามว่างที่ชอบทำ รองฯ ชยาวุธ กล่าวว่า ก็คงเป็นเรื่องของการอ่านหนังสือ เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีทักษะในเรื่องของกีฬาดังนั้นจึงไม่ค่อยถนัดเรื่องของกีฬา ก็เลยจะชอบซื้อหนังสือ จึงมีหนังสือเยอะมาก นอกจากนี้ก็มีดูหนังที่บ้านบ้าง แนวที่ชอบก็เป็นแนวแอคชั่น แนวสืบสวนสอบสวน ซึ่งเวลาที่ชอบมากคือเวลาของการรับประทานอาหารกับเวลาของการเข้าห้องน้ำ เพราะจะนั่งอ่านหนังสือไปด้วย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมาก โดยหนังสือที่ชอบอ่านคือพวกหนังสือแปล และนักเขียนที่ชื่นชอบติดตามคือไมเคิล คอนเนลลีและแดน บราวน์ ส่วนหนังสือของไทยจะชอบอ่านพวกประวัติศาสตร์

รองฯ ชยาวุธ บอกด้วยว่า เคยไปท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ที่เมียนมาร์กับภรรยา โดยไปแบบกันเองในแบบแบคแพค ประกอบกับภรรยาเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปด้วย และก็เคยกลับมาเขียนบล๊อกในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งเคยมีคนขอไปพิมพ์เป็นหนังสือแต่ไม่เอา สุดท้ายก็เอามาพิมพ์แจกในงานศพของคุณพ่อแทน เพราะเป็นคนชอบอ่านและชอบเรื่องประวัติศาสตร์ ส่วนกิจกรรมอื่นๆก็อาจจะไปท่องเที่ยวต่างประเทศตามสถานที่ต่างๆที่เก่าแก่ อย่างอินเดีย กัมพูชา เพราะชอบเรื่องแบบนี้ อย่างไรก็ตาม รองฯ ชยาวุธ ทิ้งท้ายว่า “การจะไปสู่อนาคตต้องไม่ลืมรากเหง้าที่ผ่านมา”

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...