ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
9 ธ.ค. 63 ม็อบสหกรณ์บุกกระทรวงเกษตรฯ
08 ธ.ค. 2563

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันที่ 6 ตุลาคม 2563  จำนวน 5 ฉบับ โดยไม่มีการแก้ไขตามความเห็นของขบวนการสหกรณ์ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ทั้งประเทศ ขบวนการสหกรณ์และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย จึงได้ชักชวนสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากกฎกระทรวงดังกล่าว เข้าพบ รมว.เกษตรฯ ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2563  ณ บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) กล่าวว่า สันนิบาตสหกรณ์ รับฟังความคิดเห็นจากสหกรณ์ทั่วประเทศ โดยทุกสหกรณ์ลงความเห็นว่า การทำงาน ของคณะทำงานในการร่างกฎกระทรวงไม่มีคนของขบวนการสหกรณ์ร่วมแสดงความคิดเห็น หรือชี้แจงถึงผลกระทบจากการร่างกฎกระทรวง การออกกฎบังคับใดๆควรสอบถามความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงาน และควรมีคนของขบวนการสหกรณ์ ซึ่งมีความสามารถและศักยภาพเพียงพอเข้าไปร่วมขับเคลื่อนการร่างกฎกระทรวง เพื่อให้ทุกฝ่ายพึงพอใจกับกฎกระทรวงดังกล่าวมากกว่ามาบีบบังคับ ให้สหกรณ์ต้องปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงที่ภาคสหกรณ์เองไม่ได้กำหนด

เบื้องต้นสันนิบาตสหกรณ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการสัมมนาและการพูดคุยถึงผลกระทบของสาระสำคัญในร่างกฎกระทรวงและกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนร่างกฎกระทรวงตามมาตรา 89/2 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2562 โดยสิ่งที่ สันนิบาตสหกรณ์ฯ เป็นห่วงคือผลประกอบการและการดำเนินงาน ซึ่งไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ เนื่องจากติดกฎหมายจากร่างกฎกระทรวง จึงอยากวิงวอนภาครัฐให้รับฟังสหกรณ์บ้าง

โดยข้อเรียกร้องของสหกรณ์คือ ขอเป็นส่วนหนึ่งของคณะทำงานร่างกฎกระทรวง เพราะที่ผ่านมาพบว่าไม่มีการแก้ไขตามความเห็นของขบวนการสหกรณ์เลย ไม่ว่าจะเป็น 1.ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการให้เงินกู้และการให้สินเชื่อของสหกรณ์ออมทรัพย์ 2.ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการรับฝากเงิน การก่อหนี้ การสร้างภาระผูกพัน การกู้ยืมเงินหรือการค้ำประกัน 3.ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการบริหารสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของสหกรณ์ออมทรัพย์ 4.ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดชั้นสินทรัพย์และกันเงินสำรองของสหกรณ์ 5.ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำกับการกระจุกตัวธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์

ซึ่งทั้ง 5 ฉบับ สหกรณ์ได้ให้ความคิดเห็นแย้งไปถึงประเด็นปัญหา แต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจจากทางกรมส่งเสริมสหกรณ์และทางกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เลย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นปัญหาในส่วนของการกู้สามัญซึ่งเป็นเงินกู้ระยะปานกลางที่ใช้บุคคลค้ำประกันก็ได้มีข้อกำหนดงวดชำระหนี้ได้ไม่เกิน 150 งวดระยะเวลา 12.5 ปี ซึ่งตรงนี้ ชุมนุมสหกรณ์เห็นว่าควรกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 15 ปีหรือไม่เกิน 180 งวด

ประเด็นปัญหาต่อไปคือการกำหนดให้เงินกู้สามัญ หากกู้ใหม่จะต้องชำระค่างวดตามสัญญาเดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 งวด ส่วนเงินกู้พิเศษไม่น้อยกว่า 12 งวด ซึ่งตรงนี้กระทบต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ จึงได้มีข้อเสนอว่า เห็นควรให้กำหนดว่าหากกู้ใหม่และกู้มาแล้วเกินกว่า ร้อยละ 90 ของสิทธิ์การกู้จะต้องชำระหนี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 6 งวด ยกเว้นเงินกู้ประเภทฉุกเฉิน และประเด็นปัญหาที่กำหนดให้การกู้ยืมเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปให้สหกรณ์กำหนดหลักเกณฑ์ให้สมาชิกส่งข้อมูลเครดิตจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เพื่อประกอบการพิจารณาให้เงินกู้ ซึ่งตรงนี้ขบวนการสหกรณ์เห็นแย้ง จึงได้มีข้อเสนอไม่ควรนำเรื่องข้อมูลของสมาชิกที่มีอยู่กับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ประกอบการพิจารณาการให้เงินกู้ ด้วยเหตุผลว่าเนื่องจากจะทำให้สมาชิกสหกรณ์หรือสหกรณ์มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นรวมถึงข้อมูลเครดิตสมาชิกที่เดือดร้อน อาจไม่สามารถเข้าถึงการกู้ยืมและจะต้องเข้าสู่การกู้เงินนอกระบบซึ่งไม่เป็นการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์

ประเด็นปัญหา ซึ่งกำหนดว่าการพิจารณาให้เงินกู้แก่สมาชิกรายได้รายเดือนหลังหักชำระหนี้แล้วจะต้องมีรายได้เหลือสุทธิไม่น้อยกว่า 30% ตลอดอายุสัญญา ทางสหกรณ์ได้มีข้อเสนอเห็นควรให้เป็นไปตามระเบียบของสหกรณ์จะกำหนดตามความเหมาะสม เหตุผลเนื่องจากเป็นการปล่อยสินเชื่อภายในหน่วยงานซึ่งสมาชิกจะรู้จักกันและบางครั้งสมาชิกอาจมีความจำเป็นเดือดร้อนหรือมีเรื่องที่ไม่คาดคิด จึงไม่ควรกำหนดไว้ตายตัวควรมีช่องทางออกให้กับสมาชิก ประเด็นปัญหา กรณีชุมนุมสหกรณ์ ปล่อยเงินกู้ให้สหกรณ์ขั้นปฐมซึ่งกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ต้องไม่เกิน 60 งวด สหกรณ์เสนอให้ไม่ควรกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ที่ใช้กับชุมนุมสหกรณ์ เนื่องจากชุมนุมสหกรณ์ทำธุรกรรมกับนิติบุคคล เป็นแหล่งเงินที่จะต้องช่วยเหลือสหกรณ์และช่วยในการบริหารสภาพคล่องขึ้นสหกรณ์ต้องดำเนินไปให้สมาชิกกู้ยืมในระยะยาวต่อไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประเด็นกฎหมายที่ถกเถียงกัน

ดังนั้นร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจึงไม่เป็นธรรมกับขบวนการสหกรณ์ เพราะเป็นการเปิดให้ภาครัฐออกมาใช้อำนาจควบคุม และบอนไซสหกรณ์ มากกว่าดูแลให้สหกรณ์สามารถดำเนินงานด้วยความคล่องตัว และสามารถแข่งขันกับธุรกิจภายนอก การกำกับควรมาคู่กับการดูแล และให้ความเป็นธรรมและรับฟังความคิดเห็นจากขบวนการสหกรณ์ ขบวนการสหกรณ์จึงขอเรียกร้อง และขอส่งหนังสือดังกล่าว ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...