ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง(11) กับบทบาทโฆษกกระทรวงสาธารณสุข
31 พ.ค. 2564

สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา-19หรือโควิด-19ในประเทศไทยในเวลานี้ยังอยู่ในอาการผวากันอยู่เพราะแนวโน้มที่จะลดลงยังไม่มีความชัดเจน โดยประชาชนเองอยู่ในขั้นดูแลตัวเองสูงสุด ขณะที่รัฐบาลก็ใช้ยาแรงมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้านหนึ่งที่ดูจะเป็นเรื่องน่าวิตก ซึ่งก็คือเรื่องของกระแสข่าวที่พรั่งพรูกันออกมารอบด้าน โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดีย เท็จบ้าง จริงบ้าง จนสร้างความสับสนออกมาเป็นระยะ ซึ่งก็มิใช่แต่ในฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นที่หวั่น แต่ฝ่ายประชาชนเองก็มีอาการเช่นนั้นอยู่ด้วยเหมือนกัน หรือเรียกได้ว่า สับสนกันไปทั่วสังคม

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องข่าวสารที่ได้สร้างความสับสนขึ้นนี้ แน่นอนว่า ย่อมต้องมีบุคคลที่ต้องออกมาทำหน้าที่ ตอบโต้ ชี้แจง แถลงไข เพื่อหยุดความสับสนเหล่านี้โดยพลัน และแน่นอนปัญหาเหล่านี้หนีไม่พ้นกระทรวงสาธารณสุขที่จะต้องออกมาทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับประชาชน เพราะด้านหนึ่งนั้น คือการหยุดยั้งการระบาดที่อาจรุกลามมากขึ้นไปอีก โดยที่กระทรวงสาธารณุสุข ได้มอบหมายให้นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ รก ระดับ 11 หัวหน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข เข้ามาทำหน้าที่โฆษกกระทรวงสาธารณสุข สู้ศึกกับกระแสข่าวเท็จต่างๆ ที่เกิดขึ้น

และ อปท.นิวส์ เชิญเป็นแขกฉบับนี้ ก็ได้รับเกียรติจาก คุณหมอรุ่งเรือง มาเปิดเผยถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งในอดีต ของคุณหมอ และกับการทำหน้าที่สู้ศึกการสื่อสารในวิกฤตครั้งนี้ ซึ่งหน้าที่นี้ต้องถือเป็นด่านหน้าที่จะต้องคอยออกชี้แจง ทำความเข้าใจ ให้ข้อเท็จจริง ขจัดความขัดแย้งในความสับสนของข้อมูลข่าวสาร

โดนคุณหมอรุ่งเรือง เริ่มเล่าให้เราฟังว่า ตัวคุณหมอเกิดที่กรุงเทพฯเป็นลูกคนจีนที่รักประเทศไทยทั้งพ่อและแม่มีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีในแผ่นดินเกิด ด้านการศึกษานั้น ในชั้นมัธยมตอนต้น คุณหมอเริ่มเรียนที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม แล้วมาสอบเรียนต่อในชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ในสายวิทยาศาสตร์

“ผมคิดไว้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วว่าอยากเป็นหมอ อยากช่วยเหลือผู้ป่วยอยากช่วยประชาชน”เพราะเวลาเข้าไปที่โรงพยาบาลเห็นประชาชนรอการรักษา จึงตั้งใจที่จะเรียนแพทย์ และตั้งใจต้องสอบให้ได้ซึ่งในที่สุดความฝันก็เป็นจริงสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ แต่ก็ต้องไปเรียนที่ทางภาคใต้เพราะติดแพทย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นความภูมิใจมาก”คุณหมอรุ่งเรือง เล่าถึงความหลังให้ฟัง พร้อมกับบอกต่อไปว่า

“หลังจากเรียนจบมาในคณะแพทย์ศาสตร์ ผมเริ่มทำงานครั้งแรกไม่ได้ทำอยู่ที่โรงพยาบาลนะ แต่กลับไปรับราชการที่กรมตำรวจอยู่หน่วยพิสูจน์หลักฐานของสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นช่วงที่เพิ่งจบใหม่ๆหาประสบการณ์และใช้วิชาชีพไปด้วย ทำงานที่นี่อยู่พักใหญ่จนได้เลื่อนยศถึง ร.ต.อ.แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกจากกรมตำรวจ ไปเริ่มบรรจุราชการอีกครั้งที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่แพทย์เฉพาะทางระบาดวิทยาภาคสนามซึ่งเป็นโครงการขององค์การอนามัยโลก ร่วมมือกันระหว่างสาธารณสุขกับประเทศสหรัฐอเมริกา”

คุณหมอรุ่งเรือง เล่าให้ฟังต่อว่า หลังจากนั้นมาอยู่ที่กรมควบคุมโรค ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป พ่วงกับโฆษกกรมควบคุมโรคด้วย แล้วมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงาน(ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน(แพทย์) สูง) สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่1กรุงเทพมหานคร ขณะนี้นั่งในตำแหน่งนายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ(ด้านเวชกรรมป้องกัน กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง)นอกจากนี้ยังต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสำนักงานสป.และเป็นผู้อำนวยการศูนย์บริการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงสาธารณสุขด้วย

และแน่นอน เรื่องของไวรัสโคโรน่า2019 หรือที่เรียกกันติดปากว่าโควิด-19นั้นคุณหมอรุ่งเรือง ไม่พลาดที่จะบอกล่าวให้พวกเราฟังว่า ตอนนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สุดและเป็นวาระแห่งชาติ ต้องยอมรับขณะนี้เกิดขึ้นทั่วโลกไม่เฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเราต้องอาศัยความร่วมมือกันอย่างสูงมาก ยินดีรับฟังกันทุกฝ่าย และหาทางออกร่วมกันในการที่จะควบคุมโรคโควิด-19ให้มีการระบาดที่น้อยลงๆ ซึ่งมาตรการต่างๆนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่และสุดความสามารถอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่กังวลมากๆคือความสับสนในข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปหมด จะถืออันไหนเป็นหลักให้กับประชาชนและสำคัญอย่างหนึ่งคืออย่าให้ร้ายกันเพราะไม่มีประโยชน์ และสร้างความขัดแย้งและบั่นทอนกำลังใจของคนทำงาน

“ผมในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องทำหน้าที่ด่านหน้าในเรื่องข้อมูลให้มีความถูกต้องน่าเชื่อถือเพื่อเผยแพร่ต่อสังคมนั้น ผมต้องเรียนว่าในโลกออนไลน์ข่าวสารทางโซเชียลมีเดียมีมากกว่าอดีตมาก และใครๆก็สามารถจะแสดงอะไรก็ได้ แต่ข้อมูลที่จะต้องให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องนั้นสำคัญมาก ดังนั้นสิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาดูคือ ต้นตอของข่าวนั้นๆ ขอให้นำข้อมูลของหน่วยงานราชการเป็นหลักไว้ก่อน เริ่มตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุขที่เป็นข้อมูลแรกสุดในทุกๆเรื่อง ต่อมาได้แก่ ข้อมูลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และโรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงกระทรวงอุดมศึกษา นวัตกรรมฯหรืออว.”

“และอีกแหล่งหนึ่งรายงานทุกวันอยู่แล้ว คือ ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) ที่รัฐบาลตั้งขึ้นโดยนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นหัวโต๊ะ ข้อมูลดังกล่าวคือข้อเท็จจริง ไม่มีการปั้นข่าวหรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สื่อโซเชียลปัจจุบันสร้างความสับสนให้กับประชาชนมากทีเดียว แต่ไม่ใช่หน้าที่ของเราโดยตรงที่จะไปแก้ไขปัญหาผมอยู่ตรงนี้ทราบดีว่าบ้านเมืองกำลังต้องการความรักความสามัคคีในเวลานี้”

“ทางผมเองทำได้คือขอความร่วมมือเพื่อรักษาประเทศของเรา ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นคนดี รักประเทศชาติรักประชาชน ดังนั้นการที่จะนำเสนอข่าวออกไปนั้นก็ควรที่จะกรองข่าวเสียก่อนที่เรียกว่า Verify ตรวจเช็คข้อมูลเสียก่อนเผยแพร่ ประการต่อมาการแชร์ข่าว อย่าแชร์เลยถ้าไม่มีข้อความจริงหรือไม่มีที่มาของแหล่งข่าว เพราะจะสร้างความสับสนและตระหนกให้กับประชาชน ต้องมีความชัดเจนจริงถึงจะแชร์เพื่อประโยชน์จริงๆเท่านั้น ประการสุดท้าย กลุ่มคนที่มีความคิดมุ่งทำลายหรือทำร้ายประเทศหรือประชาชน หากมีจิตใจที่ดี มีจิตสำนึก ควรที่จะเห็นประโยชน์ของชาติด้วย”

นอกจากงานภาระหน้าที่ในราชการประจำที่หนักอยู่แล้ว คุณหมอรุ่งเรืองยังจัดเวลาไปช่วยเหลือคนยากจนอีกด้วย โดยเป็นประธาน“มูลนิธิสุขภาพพอเพียง” ซึ่งคุณหมอรุ่งเรื่อง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จริงๆผมเลิกงานแล้วยังต้องทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นประธานมูลนิธิสุขภาพพอเพียง ซึ่งตั้งมานานเป็น10ปีแล้ว ที่เริ่มมาจากการที่ได้เงินทุนวิจัยมาจากประเทศฟินแลนด์มาทำในเรื่องคลินิกช่วยคนยากจน พอหมดทุนมีการต่อยอดจัดตั้งเป็นมูลนิธิสุขภาพพอเพียงขึ้นมา เป้าหมายของมูลนิธิฯ ชัดเจนคือพัฒนาสุขภาพของคนไทยให้ยั่งยืนโดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง

งานหลักๆมีดังนี้ 1. ดูแลผู้ป่วยที่มาฐานะยากจนทั่วประเทศรวมถึงพระสงฆ์ สามเณร 2.มุ่งเน้นสุขภาพที่ยั่งยืนและพึ่งตนเอง ส่วนนี้จะเน้นการศึกษาระบบสุขภาพทั้งในทางวิชาการและในทางพื้นที่เพื่อมาประมวลเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายให้กับรัฐบาลด้วย 3.ให้ความรู้กับประชาชนในทุกๆด้านเพื่อให้เขาได้นำไปใช้หรือปฏิบัติเพื่อให้สุขภาพดีและมีอายุที่ยืนยาว และสุดท้ายจะมีเรื่องให้ทุนการศึกษาซึ่งตลอดระยะกว่า10ปี ได้มอบทุนไปเป็นจำนวนมากในทั่วประเทศ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางมูลนิธิฯเองก็ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยอีกทางหนึ่งด้วย โดยเราเน้นประชาชนที่มีความยากจน ฐานะลำบากซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของมูลนิธิฯ

ผมเองในฐานะประธานมูลนิธิฯขอฝากทุกๆท่านช่วยเป็นสะพานบุญที่อยากจะร่วมทำบุญร่วมกับมูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯเพื่อนำเงินบริจาคทั้งหมดนี้1.ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายผู้ป่วยโควิด-19 ในการควบคุมโรคและดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรค โควิด-192.พัฒนาระบบสาธารณสุขที่ดี ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ ระบบที่ดี พึ่งตนเองได้ และมีความยั่งยืน3.มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาที่มีความประพฤติดีมีฐานะยากจน เด็กเหล่าจะเติบโตเป็นคนดีช่วยเหลือสังคม4.รักษาพยาบาลพระภิกษุสงฆ์ ผู้ป่วยฐานะยากจน ที่เข้ามารับการรักษา ที่คลินิกฯ มูลนิธิ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”

“ท่านสามารถบริจาคโอนเงินเข้าบัญชีของมูลนิธิฯ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 1420125052 หรือ QR code
ทุกบาททุกสตางค์ มีคุณค่า ท่านไม่ต้องบริจาคจำนวนมากเพราะการทำบุญไม่ได้ขึ้นกับจำนวนเงินแต่ขึ้นกับจิตศรัทธา
มูลนิธิฯ จะส่งใบอนุโมทนาบุญไปให้ทุกท่านตามที่อยู่ กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญทุกท่าน”

“ผมเองทำงานในฐานะข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่ง และทำหน้าที่โฆษกของกระทรวงสาธารณสุขด้วย ผมยึดมั่นในหลักการทำงานของพระราชบิดารัชกาลที่9 มุ่งทำงานเพื่อส่วนรวม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ มีความกตัญญู มุ่งเพื่อประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งผมเองได้ยึดมั่นในเรื่องนี้มาตั้งแต่รับราชการจนถึงทุกวันนี้“ คุณหมอรุ่งเรือง กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...