ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
กรมขนส่งกำหนดเกณฑ์อบรม/รับใบขับขี่บิ๊กไบต์
02 มิ.ย. 2564

นายยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการกำหนดเกณฑ์การอบรม และทดสอบใบขับขี่รถจักรยายนต์บิ๊กไบก์ หรือรถจักรยายนต์ที่มีขนาดความจุของกระบอกสูบมากกว่า 400 ลูกบาศก์เซนติเมตร ว่า กรมได้นำเสนอหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้ว แต่ปรากฏว่าเกือบทุกหน่วยงานได้มีการท้วงติง เรื่องการกำหนดอายุผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่บิ๊กไบก์ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่เคยมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยายนต์มาก่อน หรือมีใบอนุญาติขับขี่รถจักรยายนต์มาแล้วน้อยกว่า 2 ปี

นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า โดยมองว่าข้อเสนอของกรมที่กำหนดให้ต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ สามารถขอสอบรับใบขับขี่ได้นั้น ไม่เหมาะสม เพราะเห็นว่ามีอายุน้อยเกินไป ควรจะมีการปรับเพิ่มอายุให้มากกว่านี้ เนื่องจากเป็นรถขนาดใหญ่ที่ต้องใช้การตัดสินใจการขับขี่สูง กระทรวงจึงส่งหลักเกณฑ์กลับมายังกรมเพื่อให้มีการแก้ไขปรับปรุงใหม่อีกครั้ง

"ทั้งนี้ จากการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องความปลอดภัย และนำข้อมูลเรื่องใบขับขี่บิ๊กไบก์จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมาพิจารณาประกอบพบว่า หลายประเทศ เช่น ประเทศแถบยุโรป และญี่ปุ่น กำหนดให้ต้องมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์จึงจะขอใบขับขี่บิ๊กไบก์ได้ ซึ่งกรมจึงเตรียมแก้ไขเกณฑ์อายุเป็น 24 ปีบริบูรณ์ คาดว่าจะเสนอเรื่องกลับไปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบได้ภายในสัปดาห์หน้า หากกระทรวงเห็นชอบ คาดว่ากรมจะสามารถออกประกาศ และบังคับใช้เกณฑ์ได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้แน่นอน" นายยงยุทธ กล่าว

นายยงยุทธ กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์การขอรับใบอนุญาตขับขี่บิ๊กไบก์ จะแบ่งผู้ขับขี่ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1.ผู้ที่มีใบขับขี่รถจักรยายนต์ปกติอยู่ก่อนแล้ว และมีการครอบครองรถบิ๊กไบก์ ไม่น้อยกว่า 2 ปี สามารถมายื่นขอใบขับขี่ได้อัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องทดสอบการขับขี่ หรืออบรมภาคปฏิบัติ เนื่องจากมีประสบการณ์แล้ว โดยเจ้าของใบขับขี่จะต้องมีชื่อและนามสกุลตรงกับชื่อผู้ครอบครองของรถบิ๊กไบก์

กลุ่มที่ 2 ผู้ที่มีใบขับขี่รถจักรยายนต์ปกติอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งมีอายุไม่น้อยกว่า 2 ปี จะต้องเข้ารับการทดสอบขับขี่ และอบอรมหลักสูตรการขับขี่บิ๊กไบก์ก่อน และ กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ไม่เคยมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทใดมาก่อนเลย จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 24 ปีเต็ม จึงจะยื่นขอรับใบขับขี่บิ๊กไบก์ได้ และจะต้องเข้ารับการทดสอบขับขี่ และอบรมหลักสูตรการขับขี่บิ๊กไบก์ก่อน สำหรับใบขับขี่บิ๊กไบก์นั้นเบื้องต้นจะแต่งต่างจากใบขับขี่รถจักรยายนต์ทั่วไป โดยจะมีรูปรถบิ๊กไบก์แสดงในใบขับขี่บริเวณด้านหลังบัตรด้วย

นายยุทธนา กล่าวถึงเกณฑ์การอบรมสำหรับผู้ยื่นขอใบขับขี่บิ๊กไบก์นั้น กำหนดให้ผู้ยื่นขอใบขับขี่จะต้องผ่านการอบรมกับกรมจำนวนรวม 12 ชั่วโมง แบ่งออกเป็นการอบรมภาคทฤษฎี จำนวน 2 ชั่วโมงและปฏิบัติจำนวน 10 ชั่วโมง โดยภาคทฤษฎี จำนวน 2 ชั่วโมง จะแบ่งการอบรมออกเป็น 5 บท คือบทที่ 1 ผู้ขับขี่ จะอบรมเกี่ยวกับ การแต่งกายขณะขับขี่ การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย จิตใจและมารยาทในการขับขี่ เทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้อง

บทที่ 2 ยานพาหนะ ต้องศึกษาคู่มือก่อนการใช้งาน ส่วนประกอบและพื้นฐานการทำงานของรถ การตรวจเช็กก่อนการขับขี่ และการตรวจเช็กรถตามระยะทาง และการปรับแต่งรถจักรยายนต์บิ๊กไบก์ที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่

บทที่ 3 สภาพแวดล้อมในการขับขี่ เกี่ยวกับเครื่องหมายจราจร และพื้นผิวถนน การขับขี่ในช่วงจราจรแออัดและสภาพอากาศไม่ปกติ และการศึกษาเส้นทาง และการใช้ระบบนำทาง

บทที่ 4 การคาดการณ์อุบัติเหตุขณะขับขี่รถจักรยายนต์ขนาดใหญ่บนท้องถนนและบทที่ 5การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ส่วนภาคปฏิบัติ 10 ชั่วโมง จะมีการอบรม และทำการทดสอบท่าขับขี่จำนวน 11 ท่า

  • 1.การเบรกตามระยะที่กำหนด
  • 2.การเบรกกะทันหัน
  • 3.การทรงตัวบนทางคดเคี้ยวที่มีสิ่งกีดขวาง
  • 4.การเข้าโค้งรูปแบต่าง ๆ
  • 5.การทรงตัวบนลูกระนาดและพื้นที่ขรุขระ
  • 6.การทรงตัวบนกระดานแคบ
  • 7.การทรงตัวบนพื้นที่ทางแคปรูป S
  • 8.การทรงตัวบนพื้นที่ทางแคบรูปZ
  • 9.การทรงตัวบนพื้นที่ทางแคบรูป 8
  • 10.การหยุดและการขึ้นทางลาดชัน
  • 11.การเปลี่ยนเกียร์ก่อนเข้าโค้ง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีมีจำนวนบิ๊กไบก์ ที่จดทะเบียนทั้งสิ้น 216,547 คัน จากจำนวนรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 21,284,775 คัน สำหรับใบขับขี่บิ๊กไบก์นั้นเบื้องต้นจะแต่งต่างจากใบขับขี่รถจักรยายนต์ทั่วไป โดยจะมีรูปรถบิ๊กไบก์แสดงในใบขับขี่ด้วย

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...