ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
เทียบผลข้างเคียง ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า มีไข้ 1-2 วันหลังฉีด จากนั้นเป็นปกติ
11 มิ.ย. 2564

11 มิ.ย. 2564 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเรื่องอาการข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า โดยระบุว่า

ในช่วงต้นการฉีดวัคซีนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และในผู้สูงอายุจะใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ปัญหาอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะไม่ค่อยพบมาก

ขณะนี้การใช้วัคซีนจะเป็นแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลักและจะต้องมีการใช้ต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนวัคซีนซิโนแวคจะเป็นตัวเสริม

จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ที่จริงได้ฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ในทุกอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป

อยากจะบอกว่า วัคซีนซิโนแวคมีอาการข้างเคียง น้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้าโดยเฉพาะในเรื่องไข้ ปวดบริเวณที่ฉีด เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดศีรษะ ขนาดการศึกษานี้ผู้ป่วยฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แพทย์จะแจกพาราเซตามอลกลับบ้านด้วยซ้ำ

อาการที่เกิดขึ้นจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะพบว่าอายุน้อย มากกว่าผู้สูงอายุ และผู้หญิงจะมีอาการมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเมื่อดูอาการข้างเคียงเปรียบเทียบกับวัคซีนที่ฉีดในต่างประเทศโดยเฉพาะวัคซีนในกลุ่ม mRNA แล้วไม่ต่างกันเลย

ส่วนวัคซีนซิโนแวคอาการข้างเคียงดังกล่าวน้อยกว่ามาก

ดังนั้น ผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ถ้ามีไข้หรือปวดศีรษะ ท้องเสียอาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายไข้หวัดใหญ่ ถือเป็นอาการที่พบได้ หลังการฉีดวัคซีน เมื่อกลับไปถึงบ้านถ้ามีอาการดังกล่าว รับประทานยาพาราเซตามอลได้เลย ไม่ต้องรอให้ไข้ขึ้นสูง หรือปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว และสามารถทานซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง อาการดังกล่าวจะอยู่ประมาณ 1-2 วัน ก็จะหายเป็นปกติ

นอกจากว่ามีอาการมาก เช่น ไข้สูงติดต่อกันหลายวัน หรือสูงมาก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และรับประทานยาแล้วไม่หายก็ควรจะปรึกษาแพทย์

ถ้าทุกคนเข้าใจ จะได้ไม่เกิดวิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนในกลุ่ม Virus Vector  หรือ mRNA วัคซีนจะมีอาการข้างเคียงได้มากกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย ตามหลักฐานเชิงประจักษ์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...