ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
จูนอัพหัวเผา ให้กับอุตสาหกรรม SMEs ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ 30 – 40%
12 ธ.ค. 2559

            กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ร่วมกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยโรงงาน SMEs ลดต้นทุนเชื้อเพลิง ตั้งเป้า 50 โรงงาน สามารถประหยัดพลังงาน 30 – 40% และประหยัดเชื้อเพลิงได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท
 
            นายทวารัฐ สูตะบุตร  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายอยู่ที่ 7,030 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือ คิดเป็นร้อยละ 37.1 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของทั้งประเทศ (ไตรมาส 1 ปี 2557) โดยเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมนั้น ส่วนมากจะถูกนำไปใช้ในรูปของพลังงานความร้อนซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้น การนำความร้อนไปใช้จึงต้องดำเนินการให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญ 2 ส่วน คือ ส่วนของการเผาไหม้ และ ส่วนของการนำความร้อนไปใช้งาน

            ปัจจุบัน กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นโรงงานขนาดเล็ก และโดยมากพบว่า บุคลากรไม่มีความรู้เพียงพอในเรื่องของการเผาไหม้ ก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีเชื้อเพลิงบางส่วนต้องถูกทิ้งไปโดยไม่เกิดการเผาไหม้ ดังนั้น กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงได้ร่วมกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลและส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพในโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้จัดทำ “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความร้อนโดยการปรับแต่ง   การเผาไหม้ในภาคอุตสาหกรรม” ขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ   ด้านความร้อน โดยการปรับแต่งการเผาไหม้ของหัวเผา ตามแนวทางที่เหมาะสมสำหรับเชื้อเพลิงแต่ละชนิด เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกอบการ SMEs โดยมีกลุ่มเป้าหมาย    เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็น SMEs ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมสกัดน้ำมันปาล์ม อุตสาหกรรม ฟอกย้อม อุตสาหกรรมหล่อหลอมโลหะ อุตสาหกรรมเซรามิค และอุตสาหกรรมอื่นๆ ตั้งเป้าหมายมีโรงงานเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 50 โรงงาน ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วกว่า 58 โรงงาน แบ่งเป็นจำนวนระบบเผาไหม้ 162 เครื่อง แบ่งเป็น เชื้อเพลิงก๊าซ 50 เครื่อง เชื้อเพลิงเหลว 33 เครื่อง และเชื้อเพลิงแข็ง 43 เครื่อง โดยทาง กรอ. ลงไปตรวจสอบและให้ความรู้ในการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์เพียงเท่านั้น ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ โดยคาดว่าจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 30 – 40% และตั้งเป้าหมายสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้    ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท 

            ขั้นตอนการดำเนินงาน แบ่งออกเป็น การรวบรวมข้อมูลจากโรงงานต่างๆ พร้อมทั้งตรวจวัดประสิทธิภาพ วิเคราะห์ ประเมินศักยภาพในการประหยัดพลังงานของการเผาไหม้ของหัวเผา เข้าปรับแต่งหัวเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเหลว และเชื้อเพลิงก๊าซเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความร้อนของหัวเผา รวมทั้งจัดอบรมถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานด้านความร้อน และดำเนินการพัฒนาสื่ออิเลคทรอนิกส์เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความร้อนโดยการปรับแต่งการเผาไหม้ สำหรับการจัดอบรมให้ความรู้นั้น แบ่งออกเป็น 5 ครั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 10 – 12 ตุลาคม 2559 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ครั้งที่ 2 วันที่ 26 – 28 ตุลาคม 2559 ณ โรงแรมโกลเด้นซิตี้ระยอง จ.ระยอง ครั้งที่ 3 วันที่ 21 – 23 พฤศจิกายน 2559  ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า จ.สงขลา ครั้งที่ 4 วันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2559 ณ โรงแรมดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ และครั้งที่ 5 วันที่ 18 – 20 มกราคม 2560 ณ โรงแรมเจริญธานี จ.ขอนแก่น ซึ่งผู้ที่สนใจเข้าร่วมอบรม หรือขอสื่อให้ความรู้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 02-470-9658

             “การจัดทำโครงการให้กับโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งยังเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านเชื้อเพลิงของโรงงาน เพราะเป็นการทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงให้มีความร้อนสูงขึ้น และใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาบุคลากรจากการให้ความรู้ผ่านสื่อและการอบรมให้เกิดจิตสำนึกในด้านการอนุรักษ์พลังงานอีกด้วย” นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มเติม

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...