ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ย้อนกลับ
“กทม.” แจงกล้อง 11 ตัวรอบ “หมุดคณะราษฎร” ถูกจราจรถอดปรับปรุงสัญญาณไฟตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.
19 เม.ย. 2560

กลุ่มนักกิจกรรมและนิสิตนักศึกษานำโดย น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา และนายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ จำนวนประมาณ 20 คน เดินทางมายังห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อมาทำเรื่องขอดูกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) จากกรณีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎร บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในพื้นที่เขตดุสิต ภายหลังได้เดินทางไปยัง สน.ดุสิต เพื่อเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีนายยุทธพันธ์ุ มีชัย เลขานุการผู้ว่าฯกทม. เข้ารับเรื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางตัวแทนและเลขานุการผู้ว่าฯกทม.ได้เจรจาร่วมกันถึงแนวทางการขอยื่นเรื่องขอดูกล้องซีซีทีวีเป็นเวลาประมาณ 30 นาทีก่อนร่วมกันแถลงข่าว สำหรับบรรยากาศภายในห้องเจ้าพระยามีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารร่วมสังเกตการณ์จำนวนหนึ่ง และมีสื่อมวลชนเข้าร่วมงานแถลงข่าวเป็นจำนวนมาก ระหว่างการพูดคุยกันมีประชาชนได้ตะโกนอยู่เป็นระยะว่า “กล้อง กทม.มีไว้โชว์ไม่ได้มีไว้ใช้งาน”

ต่อมาเวลา 11.10 น. ทางกลุ่มฯและ กทม.ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายยุทธพันธ์ุแถลงว่า ในวันนี้ได้มารับเรื่องจากผู้แทนประชาชน เพื่อขอความร่วมมือจาก กทม.ในการเปิดเผยกล้องวงจรผิดที่อยู่โดยรอบของลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องจากทางกลุ่มได้ไปแจ้งความเอาไว้ที่ สน.ดุสิต ในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งในฐานะ กทม.ไม่ขัดข้องในเรื่องของการเปิดเผยกล้องซีซีทีวี เนื่องจากทาง กทม.ได้มีกฎเกณฑ์ กติกาเอาไว้ชัดเจนว่าในกรณีที่มีการแจ้งความและมีผู้มีส่วนเสียในทางคดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจทก์หรือจำเลย โดยความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำเอกสารหรือหลักฐานเพื่อมาขอดูกล้องเพื่อประกอบในการดำเนินการต่อไป หรือในกรณีที่พนักงานสอบสวนได้มาขอความร่วมมือก็เป็นวิธีการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกันกับบุคคลทั่วไป

“ในวันนี้ทางกลุ่มได้มายื่นหนังสือเพื่อขอดูกล้องซีซีทีวีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขาดเพียงแต่เอกสารสำคัญที่จะประกอบการพิจารณาคือบันทึกแจ้งความซึ่งจะนำมายื่นในภายหลัง ทั้งนี้ ผมก็ได้มารับเรื่องด้วยตัวเอง และทาง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ก็จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ทาง กทม.ได้วางแนวทางไว้ในกรณีนี้ไม่แตกต่างกับพี่น้องประชาชนทั่วไป” นายยุทธพันธ์ุกล่าว

ขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณทาง กทม.ที่ได้อำนวยความสะดวกในวันนี้เป็นอย่างดี วันนี้ทางกลุ่มได้เดินทางมาขอดูภาพกล้องซีซีทีวีบริเวณโดยรอบที่หมุดคณะราษฎรหาย แต่ปัญหาก็คือว่ากล้องที่ทางกลุ่มได้ตั้งข้อสังเกตว่า หมุดได้หายไปในระหว่างวันที่ 2-8 เมษายน แต่ภายหลังการร่วมพูดคุยกันระหว่าง กทม.ก่อนหน้าที่ ทางกทม.แจ้งว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม มีการปรับปรุงสัญญาณไฟจราจรบริเวณโดยรอบ ซึ่งกล้องจะผูกติดกับสัญญาณไฟจราจร และไม่สามารถใช้การได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ในวันนี้ทาง กทม.ได้นำภาพจากกล้องซีซีทีวีให้กับกลุ่มตัวแทน โดยบอกว่าเป็นภาพจากกล้อง 11 ตัวของวันที่ 31 มีนาคมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงซึ่งเห็นชัดเจนว่าจะเห็นบริเวณหมุดที่คณะราษฎรหาย แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถใช้งานได้

“อย่างไรก็ตาม แม้กล้องจำนวนนั้นจะอยู่ระหว่างการปรับปรุง แต่ทางเราก็ได้ขอทำเรื่องขอดูกล้องบริเวณใกล้เคียงเพิ่มเติม นอกเหนือจากกล้องจำนวน 11 ตัวนี้ อาจจะเป็นมุมที่ไกลขึ้นเพื่อเอามาประกอบกับการแจ้งความ” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่วน น.ส.ณัฎฐากล่าวว่า สิ่งที่อยากฝากสื่อมวลชนติดตามต่อไปคือ การนำกล้องที่ติดอยู่กับสัญญาณไฟจราจรออกไปทั้ง 11 ตัว ทาง กทม.แจ้งว่าไม่ใช่อำนาจของ กทม.แต่เป็นงานของจราจร ก็คงต้องสอบถามกันต่อไปว่าใครเป็นคนตัดสินใจให้นำกล้องซีซีทีวีออกไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อบริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดแล้วมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงโดยรอบอย่างไร มีการยกระดับรักษาความปลอดภัยหรือไม่เมื่อไม่มีกล้องทั้ง 11 ตัวแล้ว

เมื่อถามว่ากล้องซีซีทีวีจำนวน 11 ตัวเป็นของ กทม.หรือไม่ นายยุทธพันธุ์ กล่าวว่า เป็นกล้องของ กทม. โดยสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) แต่ได้รับการประสานงานจากงานจราจรว่าจะมีการปรับปรุงจึงถอดกล้องไปเพื่อดำเนินการ เนื่องจากเป็นเสาที่ใช้พ่วงกัน ทั้งนี้ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ จะเป็นหน้าที่ของ สจส.ที่จะเป็นผู้ตอบคำถามทั้งหมด

เมื่อถามอีกว่าความจริงการเอากล้องออกในช่วงเทศกาลสำคัญ ทางกทม.ได้มีการนำกล้องสำรองมาติดตั้งด้วยหรือไม่ หรือมีการเร่งการปรับปรุงกล้องหรือไม่ นายยุทธพันธุ์กล่าวว่า อยู่ที่ขั้นตอนกระบวนการของงานจราจรเป็นผู้ดำเนินการ ขณะที่ น.ส.ณัฎฐากล่าวว่า รู้สึกตกใจมาก แต่อย่างที่เราพูดคุยกันก่อนหน้านี้ เข้าใจได้ว่าถึงแม้จะมีกล้องวงจรปิดแต่ก็มีเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจเข้ามารักษาความปลอดภัยมากกว่าบริเวณอื่นอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษ แม้จะไม่มีพยานที่เป็นกล้องต้องมีพยานบุคคลแน่นอน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...