ร้อง 7 ปี ผู้ประกอบการแพเธคทำสภาพแวดล้อมเสียงหาย จังหวัดและผู้เกี่ยวข้องไม่สนใจปล่อยริมแม่น้ำแควน้อยและแม่กลองเสียหาย เชื่อหลายหน่วยงานมีเอี่ยว
          เมื่อเร็วๆนี้ ดร.สำเภา ใจผ่องใส กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ กลุ่มรักธรรมชาติกาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านกว่า 100 คนที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแม่กลอง ได้รับผลกระทบจากบรรดาผู้ประกอบการ แพเธค ที่บริการให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจ.กาญจนบุรี โดยแพเธค เปิดเพลงในขณะลากแพไปในลำน้ำเสียงดังสนั่น โดยครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.บางแพรก ต.บ้านใต้ ต.หนองหญ้า ต.หนองโรง ซึ่งอดีตที่ผ่านมามีชาวบ้านเดือนร้อนและได้รับผลกระทบบางส่วน และชาวบ้านได้เข้าร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ปี 2548 จนมาถึงปัจจุบัน แต่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข และนับวันผู้ประกอบกานรแพเธค มีการขยายออกไปเป็นจำนวนมาก และหน่วยงานที่ชาวบ้านไปร้องเรียนประกอบด้วย ผู้ว่าฯกาญจนบุรี นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี สำนักงานธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี แต่เรื่องไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด และนับวัน แพเธค ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ประกอบอ้างว่าเป็นผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและไม่มีกฎหมายบังคับ จนทำให้สภาพแวดล้อมได้รับผลกระทบในแม่น้ำสายหลัก
          ดร.สำเภา กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการเรื่องนี้ในปี 2551 ทางป.ป.ช.ได้ประชุมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพย์ฯ กรมขนส่งทางน้ำ เพื่อแก้ปัญหาความเดือนร้อนเรื่องเสียงดัง โดยมีการออกประกาศของจังหวัดกาญจนบุรีแต่ไม่มีผุ้ประกอบการแพเธค รายใดปฎิบัติตาม และหน่วยงานก็ไม่เคยติดตามเรื่อง จนชาวบ้านหมดหวังที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับผู้ประกอบแพเธคแต่อย่างใด และปัญหาเหล่านี้จะกลายเป็นปัญหา ด้าน เสพยาเสพติด การทะเลาะวิวาท ตลอดจนมีการแอบเปิดบ่อนการพนันตามมา เมื่อร้องเรียนหน่วยงานรัฐที่ควบคุมดูแลไม่ได้ ตนและชาวบ้านจึงเข้าร้องเรียนกับ สื่อ เพื่อให้เป็นปากเป็นเสียงไปยัง รัฐบาล ในการจัดระเบียบผู้ประกอบการแพเธค ก่อนที่จะแก้ไขไม่ได้ และยิ่งนานวันจะแก้ไขกับกลุ่มนายทุนเหล่านี้ไม่ได้ และจะทำให้สภาพแวดล้อมของแม่น้ำ และสองฝั่งได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน