ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
เครือข่ายองค์กรประชาชน 42 องค์กร จดหมายถึง “บิ๊กตู่” จี้ปฏิรูปตำรวจแยกสู่องค์กรอิสระ
06 มิ.ย. 2560

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2560 มี จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีโดยเครือข่ายองค์กรประชาชน 42 องค์กรเรียกร้องเร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจเป็นตำรวจจังหวัด และแยกงานสอบสวนเป็นอิสระออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตามที่พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา  หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางปฏิรูปตำรวจว่าควรปรับโครงสร้างเป็นตำรวจจังหวัด  และพิจารณาเรื่องการ  แยกงานสอบสวนออกจากตำรวจนั้น เครือข่ายองค์กรประชาชน 42 องค์กร เห็นว่า  แนวคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  ถือเป็นการปฏิรูประบบอย่างมีนัยสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมายและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของตำรวจทุกระดับและการรับส่วยสินบน สอดคล้องกับเสียงเรียกร้องต้องการของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง

ทั้งนี้  เนื่องจากงานของตำรวจทั้งหมดดำเนินการให้จบสิ้นได้ภายในจังหวัด   และต้องประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายปกครองซึ่งมีนายอำเภอ ปลัดอำเภอ รวมทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักความสงบเรียบร้อยในตำบลและอำเภอ    หน่วยตำรวจจึงควรอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของหัวหน้าหน่วยการปกครองระดับจังหวัดคือผู้ว่าราชการจังหวัด  และระดับอำเภอคือนายอำเภอสอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมาตรา 54 ที่กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดมีอำนาจปกครองบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายต่างๆ ในจังหวัดและนายอำเภอเป็นหัวหน้าส่วนราชการอำเภอมีอำนาจปกครองบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายต่างๆ ในอำเภอตามมาตรา ๖๒

นอกจากนั้น  ยังสอดคล้องกับประกาศหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 96/2557 ในการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด  โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ  และตามข้อ 5  ให้มีอำนาจสั่งข้าราชการในจังหวัดให้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน   เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีหัวหน้าหน่วยการปกครองระดับประเทศที่มีอำนาจกำกับสั่งราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ    

ส่วนงานสอบสวนคดีอาญา  ควรได้รับการปฏิรูปโดยแยกเป็นอิสระออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็น “สำนักงานสอบสวนคดีอาญา” เพื่อสร้างหลักประกันความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานสอบสวนตามมาตรฐานวิชาชีพในลักษณะเดียวกับพนักงานอัยการเช่นเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก

 

การดำเนินการในสองเรื่องดังกล่าวรวมทั้งการโอนตำรวจ  9  หน่วย ได้แก่  สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  ตำรวจจราจร  ตำรวจทางหลวง  ตำรวจน้ำ  ตำรวจป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ  ตำรวจคุ้มครองผู้บริโภค ตำรวจท่องเที่ยว  ตำรวจรถไฟ  ตำรวจปราบปราบความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี  ไปสังกัดกระทรวงทบวงกรมที่มีหน้าที่ตามกฎหมายตามมติของสภาปฏิรูปแห่งชาติเมื่อเดือนตุลาคม 2558  ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 และส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็ว  ถือว่า  เป็นการปฏิรูประบบตำรวจให้มีความเป็นสากล  และงานสอบสวนมีการตรวจสอบถ่วงดุลจากองค์กรภายนอก   แก้ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ  เช่น การรับส่วยสินบนของตำรวจผู้ใหญ่รวมทั้งการใช้อำนาจเกินขอบเขตของตำรวจผู้น้อยที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างร้ายแรงในปัจจุบันได้ 

เครือข่ายองค์กรประชาชน 42 องค์กร จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งรัดดำเนินการเรื่องดังกล่าว  ซึ่งบางเรื่องสามารถกระทำได้ตามอำนาจของรัฐบาล เช่น การตราพระราชกฤษฎีกาโอนหน่วยตำรวจ   หรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการลงไปภายในจังหวัดได้  เมื่อผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการจังหวัด  หรือคณะกรรมการตรวจสอบติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัด (กต.ตร.)ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 260 เพื่อดำเนินการปฏิรูปตามแนวทางในมาตรา 258  นายกรัฐมนตรีควรพิจารณาบุคคลผู้จะแต่งตั้งเป็นประธานและกรรมการทุกคน   ต้องเป็นผู้ที่เห็นและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากระบบงานตำรวจในปัจจุบัน  รวมทั้งมีความกล้าหาญทางจริยธรรมและแนวความคิดในการปฏิรูปตำรวจเป็นตำรวจจังหวัดและการแยกงานสอบสวนออกจากตำรวจสร้างระบบตรวจสอบถ่วงดุลกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศด้วย

องค์กรประชาชน 42 องค์กรตามรายนามท้ายจดหมายฉบับนี้ จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรีบดำเนินการปฏิรูปตำรวจตามแนวทางดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เกิดความยุติธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...