จากกรณีที่สื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่ข่าวในกรณีที่ สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติ สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. 2541 พร้อมทั้งประเด็นที่สถาบันพระปกเกล้าสร้างหลักสูตร คอนเนคชั่นเข้าศึกษาในหลักสูตรต่างๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น
ศูนย์สื่อสาร สถาบันพระปกเกล้า ขอชี้แจง ในประเด็นดังกล่าว ดังนี้ สถาบันพระปกเกล้าในฐานะ เป็นสถาบันวิชาการ ภายใต้การกากับของประธานรัฐสภา ดำเนินงานมาตั้งแต่ ปี 2541 ภายใต้พันธกิจสำคัญในการสร้าง องค์ความรู้เพื่อพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “สถาบันวิชาการชั้นนา ด้านการพัฒนาประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล และสันติวิธี เพื่อประโยชน์ส่วนรวม” ซึ่งสถาบันทำหน้าที่ให้บริการทางวิชาการทั้งในรูปของการศึกษาอบรม ให้คำปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และบริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความรู้ทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล และสันติวิธี เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และสนับสนุนความรู้ความเข้าใจและการใช้สิทธิหน้าที่ของพลเมืองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ส่งเสริมความร่วมมือกับองค์การทั้งในและต่างประเทศเพื่อการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล และสันติวิธี และส่งเสริมงานวิชาการของรัฐสภา ด้วยดีเสมอมา
ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของสถาบันฯ นับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนงานให้กับสมาชิกรัฐสภา และบุคลากรในวงงานรัฐสภา รวมทั้งข้าราชการของรัฐสภาเสมอมา โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้เสนอบทวิเคราะห์ร่างกฎหมายต่อรัฐสภา รวมทั้งสิ้น 13 ฉบับ (โดยเป็นการร้องขอจากคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ร่างกฎหมาย ของ สนช. และสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา จานวน 6 ฉบับ) และขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ จำนวน 9 ฉบับ รวมทั้ง จัดหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้บุคลากรในวงงานรัฐสภา “หลักสูตรวุฒิบัตร การปฏิบัติงานสนับสนุนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบัน จำนวน 4 รุ่น รวมผู้เข้าอบรม 326 คน (จำแนกเป็นผู้ช่วย สนช. –187 คน และผู้ช่วย สปท. –139 คน) รวมทั้ง “หลักสูตรการพัฒนานักบริหารระดับสูงสาหรับข้าราชการสามัญรัฐสภา” เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง (นบส.) จำนวน 2 รุ่น (รวมผู้เข้าอบรม 98 คน)
และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สถาบันพระปกเกล้า ได้ให้การสนับสนุนด้านบุคลากรและงบประมาณในการดำเนินกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ เพียงเพื่อหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ประเทศไทยพัฒนาขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงสืบไป
สำหรับการดำเนินการจัดการศึกษาอบรม สถาบันได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งมิได้เพียงมุ่งเน้น แต่การจัดอบรมหลักสูตรระดับสูง ที่มุ่งเน้นแต่นักวิชาการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ตัวแทนองค์กรอิสระ ผู้บริหาร ภาครัฐ ภาคเอกชน มาเข้ารับการอบรมเท่านั้น สถาบันพระปกเกล้ามีเครือข่ายส่งเสริมการเมืองในระดับชุมชนมากมาย อาทิ ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองในพื้นที่จังหวัดต่างๆ 49 ศูนย์ กระจายตัวอยู่ในแต่ละภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งดำเนินโครงการสำคัญ เช่น โครงการสร้างสำนึกพลเมือง , โครงการโรงเรียนพลเมือง, โครงการเยาวชนไทยหัวใจ พลเมือง, โครงการซื่อตรง , โครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมท้องถิ่น, โครงการเสริมสร้างความรู้และศักยภาพในการ ทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดของการศึกษาอบรมเพื่อการขับเคลื่อนสังคมไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และอีก หลายๆ โครงการ สถาบันพระปกเกล้ายังส่งเสริมและพัฒนาพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระปกเกล้าศึกษาอีกด้วย
นอกจากนี้ หลายหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้า ดำเนินกิจกรรมอันเป็นประโยชน์เพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ หลักสูตรธรรมาภิบาลผู้บริหารทางการแพทย์ (ปธพ.) (ตั้งแต่รุ่นที่ 1-รุ่นที่ 5) ได้ดำเนินโครงการหน่วยแพทย์ อาสาบริการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ มาแล้ว 5 พื้นที่ โดยล่าสุด ระหว่างวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา นักศึกษาหลักสูตร ปธพ. รุ่นที่ 5 ได้จัดโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้น ณ โรงพยาบาล เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ จังหวัดปราจีนบุรี มีประชาชนเข้ารับการบริการและรับการรักษามากกว่า 10,000 ราย ซึ่งเป็นการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ของนักศึกษาในหลักสูตรช่วยเยียวยาความเจ็บป่วย ของประชาชน
รวมถึงหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย (ปนป.) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นการ กระตุ้นให้นักศึกษาดึงศักยภาพที่มีสร้างประโยชน์เพื่อสังคม โดยล่าสุด นักศึกษาหลักสูตร ปนป. รุ่นที่ 5 ได้ทำโครงงาน เพื่อสังคม ภายใต้หัวข้อ “ผู้นายุคใหม่ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง” จำนวน 10 กลุ่ม 10 โครงงาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ โครงงานด้านพลังบวก โครงงานพลังรักษ์โลก และโครงงานด้านพลังชุมชน ซึ่งในการจัดโครงงาน เชิงปฏิบัติการนี้ นักศึกษาลงพื้นที่ เรียนรู้ พูดคุยกับคนในชุมชน ศึกษาถึงสภาพปัญหาและความต้องการของคนใน ชุมชนอย่างแท้จริง พร้อมหาวิธีการแก้ปัญหา นาเสนอแนวทางที่ยั่งยืนในการจัดการกับปัญหาดังกล่าวและแนวทางที่จะ ต่อยอดในอนาคต ซึ่งทั้ง 2 หลักสูตรข้างต้น ถือเป็นตัวอย่างหลักสูตรที่ดึงศักยภาพของผู้เข้ารับการศึกษาอบรมมา บูรณาการสร้างประโยชน์ต่อประชาชนและสังคม นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังมีมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า เพื่อสังคม ซึ่งทำกิจกรรมดีๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมมากมาย
อีกทั้งสถาบันยังมีหลักสูตรอื่นๆ ที่เสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมแก่ผู้บริหารรวมถึงผู้ปฏิบัติงาน ได้แก่ หลักสูตรวิทันตสาสมาธิสำหรับนักบริหาร รวมถึงหลักสูตรอาจาริยสาสมาธิ เพื่อเป็นการพัฒนาจิตใจตามแนวทางของพระพุทธศาสนา มุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมศึกษาวิธีการปฏิบัติธรรม เพื่อให้เกิดความเข้าใจและนำธรรมะไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวัน ถึงแม้หลักสูตรดังกล่าวมิได้อยู่ในพันธกิจหลัก แต่สถาบันพระปกเกล้าเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมอันเป็นรากฐานของประชาธิปไตยที่สำคัญ
สำหรับ การคัดเลือกนักศึกษาเข้าอบรมแต่ละหลักสูตรนั้น สถาบันฯ มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้เข้ารับการศึกษาอบรมอย่างมีขั้นตอน รัดกุม มีคณะกรรมการคัดเลือกโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งสถาบันฯ มีการดำเนินการจัดการศึกษาอบรมอย่างเป็นระบบ และขอเน้นย้ำว่า สถาบันพระปกเกล้ามีความมุ่งมั่นในการให้ความรู้เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยไทยอย่างแท้จริง