ย้อนคดีนักการเมืองแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ ถูกศาลสั่งจำคุก –ตัดสิทธิ์ทางการเมืองเกือบ 10 ราย วัดใจ ป.ป.ช. สั่งสอบ นาฬิกา ริชาร์ด มิลล์ ‘ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ไม่มีในบัญชีทรัพย์สินด้วยมาตรฐานเดียวกัน ดูจะไม่จบง่าย ปม ริชาร์ด มิลล์ นาฬิกาหรู บนข้อมือ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำลังเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก”อยู่ในขณะนี้
แม้เจ้าตัวออกมายิ้มรับ ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การครอบครองนาฬิกาหรู โดยไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า พร้อมที่จะชี้แจงเพราะมีหลักฐานครบถ้วน แต่ส่อเค้าว่า นาฬิกา ริชาร์ด มิลล์ จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวสะเทือนเก้าอี้ พี่ใหญ่ !!! เพราะ อาจขัดต่อ พรบ.ป.ป.ช.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 32 มาตรา 33 และมาตรา 34 ประกอบมาตรา 66 ซึ่ง ป.ป.ช.
เนื่องจาก ทรัพย์สินดังกล่าวไม่ปรากฎในเอกสารบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินซึ่งได้รายงานไว้ต่อ ป.ป.ช.เมื่อครั้งเจ้ารับตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2557 งานนี้เซียนการเมืองถึงกลับออกอาการ ส่ายหน้า “ ไม่น่าเลยพี่ใหญ่จะตายน้ำตื่น เพราะไม่น่ารอด จากการยอมรับเสียงดังๆว่าเป็นของเก่าใส่มานานแล้ว” โดยเฉพาะเมื่อนักร้องเรียน อย่าง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกมาช่วยกำชับไม่ให้ ป.ป.ช.2 มาตรฐานในเรื่องนี้ ลองมาดูกันว่าที่ผ่านมา เรื่องเล็กๆ แบบลืมแจ้งบัญชีทรัพย์สินเคยทำให้นักการเมิืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่นเจ็บกันมาเยอะแล้ว ทั้งถูกสั่งจำคุก และตัดสินทางการเมืองกันไปเกิือบ 10 คน ลองไล่เลียงดูคดี แจ้งบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง ในช่วงที่ผ่าน ซึ่ง ป.ป.ช. ไล่ตรวจสอบส่งฟ้องศาลจนคดีสิ้นสุดไปแล้วหลายรายนาฬิกา ยิ่งลักษณ์ก็เคยถูกตรวจสอบ เริ่มจากในปี 2556 ป.ป.ช. ตั้งกรรมการตรวจสอบนาฬิกาเรือนละ 2.5 ล้านบาท ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ว่าเหตุใดนาฬิกาดังกล่าวจึงไม่ปรากฏในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น แม้กรณีนี้ อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ จะชี้แจงผ่านพ้นมาได้ โดยไม่มีบทลงโทษ สมศักดิ์ ถูกตัดสิทธิ์เหตุไม่แจ้งทรัพย์สิน แต่ก็มีนักการเมืองที่ อย่างนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ถูกตัดสิทธ์ทางการเมือง5 ปี จำคุก 6 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญา 3 ปี เหตุจงใจยื่นทรัพย์สินเป็นเท็จ
โดยเรื่องนี้ ป.ป.ช.ยื่นร้องต่อศาลว่า นายสมศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้งในเรื่องเงินในบัญชี และบ้านพักที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยในส่วนบ้านพัก มูลค่า16ล้านบาท ศาลสั่งยึดให้เป็นของแผ่นดินเพราะไม่สามารถชี้แจงที่มาทรัพย์สินดังกล่าวได้คุก 1 ปี อดีต ส.ส. ปชป.ยื่นทรัพย์สินเท็จ ไม่เว้นแม้แต่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกนายสมควร โอบอ้อม อดีต ส.ส.นครสวรรค์ ปชป. กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ภายหลังพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ครบ 1 ปี กรณีไม่แสดงรายการเงินลงทุนในหุ้นบริษัท โอบอ้อมอุตสาหกรรม (1994) จำกัด จำนวน 85,300 หุ้น ที่มีนายเอกชัย พวงเพ็ชร เป็นผู้ถือหุ้นแทน
โดยศาลตัดสินลงโทษ จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ซึ่งโทษจำคุก รอลงอาญา เช่นเดียวกัน นายธีมะ กาญจนไพริน โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบ ศาล สั่งจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษกำหนด 1 ปี
นักการเมืองท้องถิ่นโดนเชือดระนาว
นอกจากนักการเมืองระดับชาติ ที่โดนคดีจาก การยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จแล้วยังพบว่านักการเมืองท้องถิ่นก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน
1..นายสมใจ ด้วงทอง เลขานุการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง (อบจ.พัทลุง) จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ โดยศาลได้ตัดสินให้ จำคุก1เดือนและปรับ 4,000บาท โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
2. นายบรรลือศักดิ์ ไม้เขียว รองนายกเทศมนตรี ตำบลสวนหลวง อ.กระทุ่มแบนจ.สมุทรสาคร จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปจำคุกกระทงละ2 เดือนและปรับกระทงละ8,000บาท รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 4 เดือน และ ปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก2เดือนและปรับ8,000บาทไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
3. นายสาคร จันทร์ทรง รองนายกเทศมนตรี ต.โพนงาม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี โดยให้มีโทษจำคุกกระทงละ 2 เดือนและปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 4 เดือนและปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือนและปรับ 8,000บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
4. ศาลฎีกา ตัดสิน นายพีระพล พัฒนพีระเดช นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ธุรกิจรายใหญ่ เจ้าของห้างสรรพสินค้า จ.ขอนแก่น คดีความผิด จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ กรณีซุกหนี้สิน 1.5 พันล. จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท ลดกึ่งหนึ่งเหลือ 1 เดือน 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
ป.ป.ช. ลงดาบนักการเมืองมากว่า 10 คน ที่ถูกบทลงโทษอย่างหนักหน่วง ทั้งจำคุก ตัดสินทางการเมืองจากการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน คราวนี้ต้องวัดใจ ป.ป.ช. ว่าจะ2 มาตรฐาน ยื่นฟ้องคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่แจ้ง นาฬิกาหรู เรือนเฉียด 3 ล้านกว่าบาทหรือไม่