กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าตามที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้บังคับใช้กฎหมายติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในห้วงที่ผ่านมา และภายหลังจากการดำเนินการได้มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาเจ้าหน้าที่เข้าคุกคามและละเมิดต่อหลังสิทธิมนุษยชนผ่านสื่อต่างๆ ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ดังนั้น จึงขอชี้แจงความคืบหน้าคดีสำคัญในห้วงที่ผ่านมา ดังนี้
1.ความคืบหน้าทางคดีสำคัญ
1.1 เหตุคนร้ายร้ายเผารถทัวร์ ในพื้นที่ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อ 17 ธันวาคม 2560 : ผลจากการรวบรวมพยานหลักฐาน และการบูรณาการงานด้านการข่าว สามารถขยายผลนำไปสู่การติดตามจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 31 คน และวัตถุพยานที่ใช้ในการก่อเหตุได้หลายรายการ ผลจากการซักถามให้การสารภาพว่ามีส่วนร่วมกับการก่อเหตุ จำนวน 18 คน ออกหมาย ป.วิอาญา จำนวน 15 คน อยู่ในระหว่างดำเนินการ จำนวน 3 คน และปล่อยกลับภูมิลำเนา จำนวน 3 คน
1.2 เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดภายในตลาดสดพิมลชัย อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อ 12 มกราคม 2561 มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก : ผลจากการรวบรวมวัตถุพยาน ตรวจสอบภาพจากกล้อง CCTV และ การแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของแหล่งข่าวภาคประชาชนสามารถกำหนดตัวบุคคลเป้าหมายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ในเบื้องต้นได้ จำนวน 6 คน ควบคุมตัวตามหมาย พรก.ฉุกเฉิน จำนวน 5 คน และหลบหนี จำนวน 1 คน คือ นายอิสมาแอ มูซอ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงเรียนธรรมวิทยา ซึ่งจะติดตามจับกุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
2. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายในทุกคดีด้วยความเสมอภาค และเป็นธรรมปฏิบัติด้วยความโปร่งใสในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ ตั้งแต่การติดตามจับกุม การควบคุมตัวเพื่อซักถาม และการดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ครอบครัว เครือญาติ ผู้นำ 4 เสาหลัก และองค์การต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมและตรวจสอบได้ในทุกกรณี อย่างไรก็ตามในห้วงที่ผ่านมา กลุ่มองค์กรจัดตั้งของกลุ่มคนร้าย และเครือข่ายแนวร่วมได้จงใจต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายและบิดเบือนข้อเท็จจริง ดังเช่นกรณี เหตุการณ์คนร้ายเผารถทัวร์ และระเบิดภายในตลาดสดพิมลชัย โดยได้กล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่เข้าไปละเมิดสิทธิ์ของผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่บุคคลที่ถูกควบคุมตัว ได้ให้การรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุจริง จากพฤติกรรมที่ปรากฏดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้คอยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่ใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด
3. จากความพยายามในการบิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์รวมทั้ง สื่อมวลชนบางสำนัก ได้นำไปเสนอสู่การรับรู้อย่างกว้างขวาง ทำให้สังคมเกิดความสับสน ดังนั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอความร่วมมือให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวังและใช้ดุลพินิจอย่างรอบด้าน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี และกลุ่ม ฉกฉวยโอกาสอื่นๆ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ และทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น