ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
ก.แรงงานฝึกอาชีพกว่า 2.8 แสนคน สร้างงาน-สร้างอาชีพ-มีรายได้ที่มั่นคง
13 ธ.ค. 2561

นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้รับงบประมาณ2,068,157,600 บาท มาดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และความมั่นคงในชีวิต ภายใต้นโยบาย “ไทยนิยม ยังยื่น” หลักแนวคิดที่ว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และนโยบายของพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  ที่วางหลักการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีอาชีพ และมีรายได้ที่มั่นคง “จะไม่แจกปลา แต่จะสอนวิธีจับปลาให้แก่ประชาชน” 

โครงการนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อนุมัติเงินให้กระทรวงแรงงาน จำนวน 5,771,491,628 บาทเพื่อช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ภายใต้มาตรการพัมนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านกลไกการหางงานให้ทำ การส่งเสริมคุ้มครองและการฝึกอบรมส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้มีอาชีพ มีงานทำ มีทักษะฝีมือ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนมีหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงในชีวิตอย่างยั่งยืน โดยการฝึกอาชีพครั้งนี้ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่กระทรวงการคลังส่งตัวเลขมาจำนวน 625,120 คน

สำหรับโครงการจะมี 2 กิจกรรมใหญ่ๆ ประกอบด้วย 1.กิจกรรมการส่งเสริมและฝึกอาชีพหลักสูตรฝึกอาชีพเร่งด่วนช่างอเนกประสงค์ (ช่างชุมชน) ฝึกทักษะอาชีพให้กับกลุ่มคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 81,000 คน งบประมาณ 656,100,000 บาท กิจกรรมนี้ผู้สำเร็จการฝึกสามารถ ซ่อมไฟฟ้า ซ่อมประปา ซ่อมประตู หน้าต่างได้ ตัดหญ้าสนามได้ ซ่อมแซมผนัง กระเบื้องได้ ปฏิบัติงานทาสีได้ พร้อมกันนี้จะมอบเครื่องมือประกอบอาชีพให้แก่ผู้ที่สำเร็จการฝึกด้วย ในวงเงินคนละ 3,500 บาท และ2. กิจกรรมฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำ หรือการประกอบอาชีพอิสระ ฝึกทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 544,120 คน งบประมาณ 1,412,057,600 บาท กิจกรรมนี้ไม่มีการมอบเครื่องมือประกอบอาชีพ

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานโดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเริ่มกิจกรรมมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ขณะนี้สิ้นสุดโครงการนี้แล้ว ปรากฏข้อมูลพบว่า มีผู้แจ้งความประสงค์เข้าฝึกอาชีพจำนวนกว่า 420,000 คน และ กพร.ดำเนินการฝึกอาชีพแล้วจำนวน 281,706 คน ประกอบด้วย การฝึกช่างอเนกประสงค์ (ช่างชุมชน) จำนวน 11,598 คน และการฝึกอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ หรือประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 270,108 คน และจากการติดตามการมีงานทำ พบว่าร้อยละ 67.70 นำความรู้ไปประกอบอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้น

                สำหรับอาชีพเร่งด่วนหรือช่างชุมชน จะมีการฝึกใน 3 สาขา ได้แก่ ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า ช่างซ่อมประปาและสุขภัณฑ์ และช่างซ่อมผนังและกระเบื้อง โดยการฝึกจะใช้เวลา 60ชั่ วโมง มีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เมื่อผ่านการฝึกแล้วจะได้รับวุฒบัตรพัฒนาฝีมือแรงงาน สาขาช่างอเนกประสงค์ (ช่างชุมชน) ชื่อย่อ วพร. สามารถทำงานรับจ้างภายในชุมชนของตนเองหรือที่อื่นๆ ก็ได้

                ส่วนการฝึกอาชีพอิสระจะมีทั้ง 3 ระดับ ประกอบด้วยการฝึกอาชีพที่ใช้เวลา 18 ชั่วโมง มีอาชีพจำนวน 360 สาขา

ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร แปรรูปสมุนไพร ทำเบเกอรี่ เพาะเห็ด น้ำสลัด คอมพิวเตอร์ ไกด์ท้องถิ่น ฯลฯ  30 ชั่วโมง จะมีสาขาที่ฝึกจำนวน 180 หลักสูตร  อาทิ ตัดเย็บเสื้อผ้า จักรสาน ออกแบบบรรจุภัณฑ์ แปรรูปผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ฯลฯและ 60 ชั่วโมง มีสาขาอาชีพให้ฝึก 27 หลักสูตร เช่น ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า การเย็บจักรอุตสาหกรรม ผู้ดูแลผู้สูงอายุ การก่อสร้างอาคารไม้ เป็นต้น

          “โครงการฝึกอาชีพให้กับผู้ที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ถึงแม้จะปิดโครงการไปแล้ว แต่การฝึกอาชีพในโครงการต่างๆ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทั้งการฝึกอาชีพให้กับกลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มผู้สูงอายุ การฝึกอาชีพให้กับ ทหาร ตำรวจ ในรูปแบบการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ประชากรมีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคง”

                อนึ่ง กระทรวงแรงงานได้รับงบประมาณจากรัฐบาลในโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ”เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้” กระทรวงการคลังได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 2,120,025,400 บาท จำแนกให้สำนักงานปลัดกระทรวง 12,621,800 บาท กรมการจัดหางาน จำนวน 39,246,000 บาท และกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจำนวน 2,068,157,600 บาท

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...