ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
“บิ๊กฉัตร”ชูผลงานบริหารน้ำ ตั้งเป้า 7,490 มีน้ำกินน้ำใช้ทั่วถึงภายในปีนี้
22 มี.ค. 2562

           พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “วันน้ำโลกและสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ” ชูผลงานสำคัญเกิด 4 เสาหลักบริหารน้ำเป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าเดินตามแผนแม่บทน้ำ 20 ปี เน้นน้ำกินน้ำใช้ครบ 7,490 หมู่บ้านในปีนี้ 

          พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังจากเป็นประธานในพิธิเปิดงานว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาน้ำของประเทศด้วยเป้าหมายหลักที่มุ่งพัฒนาประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยอย่างรอบด้าน สร้างความแข็งแกร่งให้ยืนอยู่ได้ในเวทีโลกทั้งในระดับเศรษฐกิจและสังคม โดยน้อมนำหลักการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ควบคู่กับการน้อมนำแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10“สืบสาน รักษา ต่อยอด”มาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำต่อยอดจากโครงการที่มีอยู่เดิม

          ผลงานการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมาของรัฐบาล ทำให้เกิด 4 เสาหลักที่สำคัญครั้งแรกที่สำคัญของประเทศและต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย ได้แก่ 1.การจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (2558-2569)  2.การตราพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2562 3.การจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และเพื่อให้การบริหารจัดการมีความยั่งยืน มุ่งพัฒนาประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 และ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงได้จัดตั้งเสาหลักที่ 4 ที่ว่าด้วยการนำองค์ความรู้ โดยใช้ศาสตร์พระราชา งานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม  ภูมิปัญญาท้องถิ่น  และความรู้จากต่างประเทศ มาประยุกต์ใช้เป็นพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำของประเทศด้วย

            ในส่วนของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (2558-2569) ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงและพัฒนาเป็นแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (2561-2580) เพื่อให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประกอบด้วยแผนแม่บท 6  ด้าน โดยมีเป้าประสงค์ ดังต่อไปนี้ 1.การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ประชาชนทั้งในเมืองและชนบท มีน้ำอุปโภคและน้ำดื่มเพียงพอได้มาตรฐานสากล พร้อมจัดหาแหล่งน้ำสำรองอย่างเพียงพอ ในราคาที่เหมาะสม 2.การสร้างความมั่นคงด้านน้ำสำหรับภาคการผลิต สามารถจัดหาน้ำเพื่อการผลิตทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมได้อย่างสมดุลระหว่างน้ำต้นทุนและความต้องการรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภู      ภูมิอากาศโลก เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของแหล่งน้ำทุกประเภท และการจัดหาแหล่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตรน้ำฝน และพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่อุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ 3.การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย มีระบบป้องกันน้ำท่วมและอุทกภัยที่มีประสิทธิภาพ ทั้งโครงสร้างและการบริหารจัดการ มีผังการระบายน้ำทุกระดับ การบริหารพื้นที่น้ำท่วมและพื้นที่ชะลอน้ำ ตลอดจนมีการบูรณาการเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำหลาก และน้ำท่วม ร่วมกับการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศล่วงหน้า ที่รวดเร็ว ชัดเจน และใกล้เคียงมากที่สุด 4.การจัดการคุณภาพน้ำ และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยการฟื้นฟูแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วประเทศให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน มีการจัดการให้ชุมชนขนาดใหญ่ มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการจัดการโดยการป้องกันและลดน้ำเสียที่ต้นทาง  5. การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม และป้องกันการพังทลายของดิน ป่าต้นน้ำได้รับการฟื้นฟู สามารถชะลอการไหลบ่าของน้ำ มีการอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่ลาดชัน และ 6.การบริหารจัดการ มีระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีธรรมาภิบาล ทันสมัย มีกฎหมาย ระเบียบ เกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ มีโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมในการบริหารจัดการน้ำทุกระดับ เน้นการบริหารจัดการน้ำในเชิงเตรียมการป้องกันภัยจากน้ำ การมีส่วนร่วมจากการสร้างการรับรู้ การร่วมคิด ร่วมทำแผนหลัก และแผนปฏิบัติการระดับลุ่มน้ำ และระดับจังหวัดสะท้อนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับพื้นที่ผู้ใช้น้ำ ลุ่มน้ำ และเชื่อมโยงไปถึงระดับนโยบาย ประกอบกับการมีระบบฐานข้อมูล ทรัพยากรมนุษย์ และงานวิจัยเพียงพอในการตัดสินใจและบริหารจัดการ  

           ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนแม่บทด้านที่ 1 คือ การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นด้านที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด มีกรอบการดำเนินการ 4 ประการ คือ 1.ต้องการให้ทุกครัวเรือนเข้าถึงน้ำอุปโภคบริโภค โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2562 หมู่บ้านในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ 7,490 หมู่บ้าน จะต้องมีน้ำกินน้ำใช้ให้ครบทุกหมู่บ้าน รวมทั้งปรับปรุงระบบประปาเดิมที่ชำรุดเพื่อให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 2.มุ่งพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านให้ได้มาตรฐาน โดยมุ่งยกระดับให้ถึงเกณฑ์การตรวจวัดตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2573 (SDGs) 3.พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพประปาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 404 เมือง 4.2 ล้านครัวเรือน รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่ขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุน และ 4.การประหยัดน้ำทุกภาคส่วน โดยส่งเสริมการลดการใช้น้ำในทุกภาคส่วน รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภค เช่น การแก้ปัญหาความสูญเสียน้ำของระบบท่อ ซึ่งปัจจุบัน ข้อจำกัดของการส่งน้ำด้วยระบบท่อ ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำระหว่างทางไปไม่น้อยกว่า 30%  โดยรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่า จะลดความสูญเสียของน้ำจากระบบท่อให้เหลือเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งจะทำให้สามารถลดการหาแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสีย      และจากการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กนช. ยังได้กำชับให้การประปาทุกแห่งต้องมีแหล่งน้ำสำรองของตัวเอง สำหรับผลิตน้ำประปาให้ได้อย่างน้อย 15 วัน เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้อย่างพอเพียงตลอดปี

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...