ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
ชาวบ้าน”ท่าหลวง”สุดทนถนนชำรุดหนัก หวั่นมีรับ”ส่วย” ร้อง“ขนส่ง”ตรวจเข้ม”
31 ต.ค. 2562

ชาวบ้าน ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา สุดทน ถนนท่าเรือ-เสาไห้ ถูกรถบรรทุกลักลอกวิ่ง แถมขนสินค้าเกินน้ำหนักที่กำหนด ทำถนนชำรุด เป็นหลุมเป็นบ่อ เสียหายหนัก ด้าน รองปลัด อบต.ท่าหลวง วิงวอน ขนส่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด คาดอาจมีการรับส่วย

ทั้งนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนเข้ามาจากชาวบ้าน ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เข้าไปลงพื้นที่ที่ชาวบ้านในบริเวณถนนดังกล่าว เพื่อรับทราบถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจากถนนท่าเรือ-เสาไห้ ชำรุด เสียหาย เป็นหย่อมๆ หลายจุด ซึ่งชาวบ้านได้อดทนมาแล้วแรมปี โดยมีสาเหตุมาจากมีรถบบรทุกจำนวนมาก ที่คาดว่าจะบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด วิ่งผ่านเข้าออกตลอดเวลา

นายสำราญ เพ็ญพันธ์ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 ม.ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา และนายอุดร สงเคราะห์ธรรม อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 283/5 ม.5 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยทั้ง  2 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณถนนดังกกล่าว กล่าวยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับความเดือดร้อนมานานแล้วจากรถบรรทุก 10 ล้อ และรถพ่วงลจำนวนมาก ที่วิ่ง เข้า - ออก จากท่าเรือเอกชน ทำให้ถนนชำรุดเสียหาย เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นอันตรายแก่ผู้สัญจร รวมถึงสร้างฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ทีมผู้สื่ข่าวได้ลงพื้นที่ตามคำร้องเรียนจากชาวบ้าน ได้พบกับท่าเรือเอกชน 2 แห่ง คือ 1.บริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด และ 2.บริษัท ยูเอ็มเอส พอร์ต เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งมีรถบรรทุกสินค้า เข้า - ออก ตลอดเวลา เป็นจำนวนมาก จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงคาดว่า เป็นรถบรรทุกสำหรับบรรทุกถ่านหิน ปูน โดยจะวิ่งเข้าออกตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ผ่านเส้นทางเส้นท่าเรือหลังจากข้ามคลองรพีพัฒน์ ไปตามทางถึงเสาไห้ จึงทำให้ถนนสภาพถนนบริเวณเส้นทางดังกล่าวชำรุดเสียหาย ถนนแตกเป็นระยะ รวมถึงเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นจุดๆ ตลอดเส้นทาง

จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน อ้างว่า อาจเป็นเพราะรถบรรทุกจำนวนมากที่วิ่งเข้าออกท่าเรือเอกชนทั้ง 2 แห่งนี้ บรรทุกเกินน้ำหนักตามกฏหมายกำหนด และอาจเป็นเหตุทำให้ถนนชำรุดเสียหาย ซึ่งสอดคล้องจากหลักฐานที่ทางทีมข่าวได้รับจากพลเมืองดี ที่มีการถ่ายคลิประหว่างรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านเครื่องชั่งน้ำหนักก่อนออกจากพื้นที่บริเวณท่าเรือดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่าตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนัก มีน้ำหนักว่า 57 ตัน (กฏหมายกำหนดไม่เกิน 50 ตัน)

ผู้สื่อข่าวจึงตัดสินใจขับตามรถบรรทุกคันดังกล่าวเพื่อยืนยันว่า หลังจากออกจากท่าเรือ รถบรรทุกคันดังกล่าวนี้ ได้บรรทุกเกินน้ำหนักและวิ่งบนเส้นทางสาธารณะจริงตามที่ปรากฏในคลิป และจากข้อมูลตามคำบอกเล่าของพลเมืองดีเล่าว่า รถบรรทุกจากท่าเรือ 2 แห่งนี้มีการวิ่งเกินน้ำหนักอย่างนี้เสมอ บางคันบรรทุกเกือบ 70 ตัน เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด โดยรถบรรทุกส่วนใหญ่ที่บรรทุกเกินมาตรฐานจะสามารถสังเกตชื่อบริษัทขนส่งได้จากสติ๊กเกอร์ที่หน้ารถและชื่อคาดบนหัวรถ

โดยที่ผ่านมา ไม่เคยมีหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบ จึงทำให้เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตุเป็นอย่างมากว่า เพราะเหตุใดเส้นทางที่มีรถบรรทุกสัญจรหนาแน่นเช่นนี้ จึงมีการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินมากขนาดนี้ได้อย่างไร และเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว ถนนหนทางชำรุดเสียหายจนชาวบ้านเดือดร้อนขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจมีการับส่วยสินบนเกิดขึ้น

ด้านนายนครินทร์ เลิศชุณหะเกียรติ รองปลัด อบต.ท่าหลวง รักษาราชการแทน ปลัด อบต.ท่าหลวง เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ในส่วนของเขตพื้นที่ อบต.ท่าหลวง จะมีสายทางที่ได้รับผลกระทบอยู่  2 เส้นทาง คือ เส้นเรียบคลองระพีพัฒน์ฝั่งซ้าย ผ่านหน้า อบต.ฯ เส้นนี้ปัจจุบัน ตำรวจภูธร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ประกาศเป็นข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ห้ามไม่ให้รถตังแต่ 10 ล้อขึ้นไปวิ่งผ่าน เนื่องจาก ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา มีรถบรรทุกวิ่งเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต จำนวนหลายราย อบต.ฯ ก็ได้ทำเรื่องผ่านทางสถานีตำรวตภูธรท่าเรือ ประกาศเป็นเป็นเส้นทางห้ามรถบรรทุดก  10 ล้อขึ้นไปวิ่งผ่าน

ส่วนอีกเส้นคือ เส้นฝั่งคลองระพีพัฒน์ฝั่งขวา ตรงข้าม อบต.ฯ ก็จะมีรถบรรทุกใช้เส้นทางนี้ในการขนส่งต่างๆ จำนวนมาก เริ่มมาตั้งแต่ปี 2554 ที่เกิดอุทกภัย โดยเลี่ยงมาใช้เส้นทางนี้ เนื่องจากเส้นทางนี้ประสบปัญหาอุทกภัยน้อยกว่า เมื่อรถบรรทุกมาใช้เส้นทางนี้จำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ถนนชำรุด พัง เสียหายมาก ปัจจุบันทางหลวงชนบทจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทำเป็นถนนคอนกรีตให้แล้วก็เลยหมดปัญหาไป

อย่างไรก็ตาม ก็จะมีอีกบางเส้นทาง เส้นตั้งแต่ท่าหลวงถึงเสาไห้ ปัจจุบันมีรถบรรทุกวิ่งผ่านไม่ต่ำกว่าวันละหมื่นคัน ไป-กลับ รวมไปถึงสู่เขตเทศบาลท่าหลวงเพื่อออกไปทางโรงปูนซีเมนต์ เอสซีจี เส้นนี้จะมีรถบรรทุกวิ่งเยอะมาก ทำให้เส้นทางดังกล่าวปัจจุบันชำรุดเยอะ ทั้งในเขตของ อบต.ฯ เอง แล้วก็ตั้งแต่เส้นท่าหลวง- เสาไห้ ก็ชำรุดเป็นบางจุด โดยทางหลวงสระบุรีก็มาซ่อมให้เป็นบางครั้ง และ อบต.ฯ เองก็ซ่อมแซมเองในบางส่วน แต่ในส่วนของเส้นทางที่ข้ามจาก อบต.ท่าหลวงจนไปถึงเขตเทศบาลก้จะมีเส้นทางที่เยอะกว่า และก็ชำรุดมากกว่า

นอกจานกี้ ในเส้นทางที่มีการห้ามวิ่งคือเส้นทางคลองระพีพัฒน์ฝั่งซ้าย มีการแจ้งมาจากผู้นำท้องที่ว่า มีการแอบมาวิ่งในช่วงกลางคืน โดยใช้ความเร็วสูง ทำให้ชาวบ้านตกอกตกใจ เพราะเส้นนี้อยู่ใกล้แหล่งชุมชน โดยส่วนใหญ่ก็จะแอบวิ่งมาตั้งแต่เส้นหนองขนาด-ท่าหลวง ก็คือ ภาชี-ท่าหลวง ซึ่งหากผ่านไปเส้นทางนี้จะเห็นเป็นหลุมเป็นบ่อเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็ยรถบรรทุกมาแอบวิ่ง และบางส่วนก็ไปเสาไห้

“อยากฝากถึงผู้ประกอบการการขนส่งต่างๆ ให้เข้มงวดกวดขันในการบรรทุกสินค้าต่างๆ ไม่ให้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขอฝากไปถึงหย่วนงานการขนส่งด้วยว่า ให้ช่วยมาตรวจสอบการบรรทุก น้ำหนักของรถบรรทุกสินค้าในเส้นทางนี้ ซึ่งในเส้นทางท่าหลวง- เสาไห้ ท่าหลวง-ท่าลาน รถบรรทุกเยอะมาก และไม่แน่ใจว่าจะมีการบรรทุกเกินหรือเปล่า เพราะว่าใช้เส้นทางนี้ และก็ชำรุดมาก”

“เส้นทางนี้เนื่องจากทางราชการใช้งบประมารแผ่นดินในการสร้าง เชื่อว่าได้มาตรฐานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด แต่ถ้ามันชำรุดอย่างนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุที่ผิดวิสัย อาจจะเกิดจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางขนส่งให้มากวดขันเรื่องการบรรทุกน้ำหนักเกินด้วย”

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...