ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
แพทย์เตือนปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน
02 ม.ค. 2563

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เตือนประชาชนควรตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ หากพบอาการบ่งชี้อย่าชะล่าใจ หากไม่ได้รับการรักษาเร่งด่วนอาจเสียชีวิตได้

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทประชาชนควรตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ สูบบุหรี่ ความเครียด โรคอ้วนลงพุง และกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตันได้ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบแบ่งได้ตามลักษณะอาการแสดงมี 2 รูปแบบ

1. แบบเรื้อรังเกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ มีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด  ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบเล็กลงหรือตีบตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอกในช่วงที่ออกแรงหยุดพักแล้วดีขึ้น 2.แบบเฉียบพลันซึ่งเกิดจากการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือดทำให้มีลิ่มเลือดมาเกาะและมีการอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจส่งผลให้บางรายเสียชีวิตแบบกะทันหันได้

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจแบ่งเป็น 2 รูปแบบตามลักษณะอาการคือ 1.แบบเรื้อรัง อาการลักษณะแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน                      แต่จะเกิดขึ้นจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือดทำให้มีการตีบแคบของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ มักเกิดในบุคคลที่มีความเสี่ยงได้โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงรวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ โดยมีอาการบ่งชี้  เช่น แน่นหน้าอกคล้ายมีบางอย่างมากดทับรู้สึกร้าวไปกรามและทั้งแขนด้านซ้าย ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการออกแรงและอาการดีขึ้นเมื่อหยุดพักหรืออมยาใต้ลิ้น นอกจากนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ 

2. แสดงอาการเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน เช่น อาการเกิดได้โดยไม่เลือกเวลา อาจมีอาการได้ในขณะทำงาน เล่นกีฬาหรือพักผ่อน ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอกที่รุนแรง มีเหงื่อออก ใจสั่น และปวดร้าวไปกรามสะบักหลัง แขนซ้าย จุกคอหอย บางรายมาด้วยจุกลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากมีการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือด และมีลิ่มเลือดมาจับตัวบริเวณนั้นเมื่อลิ่มเลือดมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงทีไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และอาจเสียชีวิตเฉียบพลันทันทีจากภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง

ดังนั้น หากพบว่ามีอาการบ่งชี้ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันควรรีบไป พบแพทย์ทันทีเพื่อนำไปสู่แนวทางการรักษาที่ถูกวิธีและรักษาชีวิตได้อย่างปลอดภัย ในกรณีที่พบผู้ป่วยหมดสติจากหัวใจวายการกู้ชีพเบื้องต้นโดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมและนำส่งโรงพยาบาลในทันทีอาจจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้          

สำหรับการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในปัจจุบันมี 3 วิธี คือ การรักษาด้วยยา  การขยายหลอดเลือดแดงด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดค้ำยัน และการรักษาด้วยการผ่าตัดเบี่ยงเบนหลอดเลือดหัวใจหรือการทำบายพาส 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...