ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
กสร. ทบทวนปรับอัตราน้ำหนักยกของเด็กให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล มุ่งขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย
24 ม.ค. 2563

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทบทวน ปรับปรุงอัตราน้ำหนักยกที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเด็ก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในประเทศไทย   นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า กรมได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายอย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 182 ว่าด้วยการห้ามและดำเนินการโดยทันทีเพื่อขจัดการใช้แรงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย จึงมีการดำเนินการภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การใช้เด็กทำงานยกของหนักด้วยแรงกาย   เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดเข้าข่ายเป็นการให้เด็กทำงานอันตราย ซึ่งถือเป็นการทำงานในรูปแบบที่เลวร้ายรูปแบบหนึ่งตามอนุสัญญาฉบับที่ 182 ดังกล่าว ทั้งนี้ประเทศไทยได้ออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราน้ำหนักที่นายจ้างให้ลูกจ้างเด็กทำงานยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรือของหนักสำหรับเด็กอายุ 15 ปี  แต่ไม่ถึง 18 ปี เพศหญิง ไม่เกิน 20 กิโลกรัม เพศชาย ไม่เกิน 25 กิโลกรัม ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศขอให้      ประเทศไทยพิจารณาทบทวนปรับอัตราน้ำหนักยกของเด็กให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล 
 อธิบดี กสร. กล่าวต่อว่า เพื่อทบทวนมาตรฐานและปรับปรุงข้อกฎหมายเกี่ยวกับน้ำหนักยกของ       เด็กทำงานให้เหมาะสม สอดคล้องกับมาตรฐานสากล กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จึงได้เชิญนายจ้าง ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ องค์กรภาคประชาสังคม และ NGOs ร่วม 200 คน มาแสดงความคิดเห็นในประเด็นอัตราน้ำหนักที่ไม่เป็นอันตรายสำหรับสภาพการทำงานของเด็กในประเทศไทย อันจะเป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ไขอัตราน้ำหนักยกของเด็กทำงาน        เพื่อนำไปสู่การขจัดปัญหาการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายในประเทศไทยได้อย่างสัมฤทธิ์ผลต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...