นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในการประชุม Asian Seed Congress ในปี 2022กรมวิชาการเกษตร เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมร่วมกับสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิค ได้ประกาศว่าประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ผักเขตร้อนคุณภาพสูงของโลก เพื่อผลักดันการส่งออกเมล็ดพันธุ์มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท/ปี
ซึ่งการที่จะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นจะต้องมีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการให้ความสำคัญกับการรับรองห้องปฏิบัติการตรวจศัตรูพืช โดยให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการส่งออก เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรที่ทำการผลิตเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น
ที่ผ่านมาการตรวจสอบเชื้อโรคพืชในพืช และผลิตผลพืชเพื่อประกอบการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชนั้นดำเนินการโดยกลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เท่านั้น โดยในปี 2566 ประเทศไทยส่งออกเมล็ดพันธุ์ ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ รวม 25 ประเทศ จำนวน 36,917.88 ตัน คิดมูลค่า 9,254.47 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี โดยเมล็ดพันธุ์ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดใน 3 ลำดับแรกได้แก่
เมล็ดพันธุ์ข้าวโพด เมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ และเมล็ดพันธุ์ดาวเรือง กรมวิชาการเกษตรจึงมีนโยบายถ่ายโอนภารกิจด้านการตรวจสอบโรคพืชให้ห้องปฏิบัติการเอกชนหรือหน่วยงานอื่นเป็นผู้ดำเนินการแทน แต่ยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมวิชาการเกษตรในฐานะที่เป็นองค์การอารักขาพืชแห่งชาติ
กรมวิชาการเกษตร ได้ออก “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช และใบรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งต่อ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565” ซึ่งกำหนดให้การตรวจสอบศัตรูพืชเพื่อประกอบการพิจารณาออกใบรับรองสุขอนามัยพืชสามารถดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการที่กรมวิชาการเกษตรยอมรับความสามารถ
ซึ่งขณะนี้มีห้องปฏิบัติการเอกชนที่ได้รับการยอมรับความสามารถเป็นห้องปฏิบัติการตรวจสอบศัตรูพืชโดยกรมวิชาการเกษตร และได้ออกหนังสือรับรองให้แล้ว 4 บริษัท คือ บริษัท มอนซานโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ซีด เทสท์ แล็บส์ เอเชีย จำกัด บริษัท เจียไต๋ จำกัด และล่าสุดห้องปฏิบัติการของบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ได้ผ่านการประเมินความสามารถห้องปฏิบัติการตรวจสอบศัตรูพืชจากกรมวิชาการเกษตรแล้ว
“การรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตรวจสอบศัตรูพืชของเอกชน หรือหน่วยงานอื่นเป็นการอำนวยความสะดวกในการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชว่าพืช หรือผลิตผลพืช ที่ส่งออกจากประเทศไทยปลอดจากศัตรูพืช และเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า เป็นการสร้างความเชื่อมั่นระบบการรับรองสุขอนามัยพืชของไทย และต่อยอดให้อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์และการค้าเมล็ดพันธุ์ของไทยเติบโตในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความรวดเร็วในการให้บริการตรวจสอบรับรองฯ จะช่วยสร้างโอกาสในการแข่งขันการค้าด้านเมล็ดพันธุ์พืชกับประเทศอื่น ๆ ด้วย”