วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ พล.ท.จิรวัฒน์ พันธ์สวัสดิ์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน.เป็นประธานการประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ “ป่าภูขี้ไก่” ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าลุ่มน้ำ 1B อยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ อ.หล่มเก่าและ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเมื่อปี 2562 อธิบดีกรมที่ดิน ได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ตามมาตรา 61 ในประมวลกฎหมายที่ดิน รวม 107 แปลง เนื้อที่ 3,574 ไร่ แบ่งเป็น 2 พื้นที่ ดังนี้ วันที่ 17 มกราคม 2562 เพิกถอนโฉนด 57 แปลง เนื้อที่ 2,195 ไร่, วันที่ 2 ธันวาคม 2562 เพิกถอนโฉนด 50 แปลง เนื้อที่ 1,379 ไร่ ขณะเดียวกันในการดำเนินคดีกับนายทุนและผู้บุกรุกรวม 4 รายได้สิ้นสุด โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยมีผู้เข้าประชุม อาทิ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.), นายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เพชรบูรณ์, ชุดพยัคฆ์ไพร, สจป.4 สาขาพิษณุโลก, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กอ.รมน.ภาค 3, กอ.รมน.จังหวัดเพชรบูรณ์, ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์, ฝ่ายปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์, ป.ป.ช.จังหวัดเพชรบูรณ์, เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอหล่มเก่า และเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอหล่มสัก, อบต.หล่มเก่า, อบต.ท่าอิบุญ และ ศปป.4 กอ.รมน.
โดยในการประชุมใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงสรุปเสร็จสิ้น จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะ พล.ท.จิรวัฒน์ พันธ์สวัสดิ์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. จึงลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ตรวจยึดป่าภูขี้ไก่ โดยมี พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นำตรวจสอบพร้อมชี้แจงถึงแนวเขตพื้นที่บริเวณป่าภูขี้ไก่ ที่ถูกนายทุนบุกรุก ยึดครอง โดยสภาพปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม มีพงหญ้าขึ้นรก มีอาคารคอนกรีตและบ้านพักซึ่งก่อสร้างก่อนถูกเพิกถอนโฉนด นอกจากนี้ในพื้นที่เพิกถอนดังกล่าว ยังมีการติดตั้งป้ายประกาศแจ้งพื้นที่ถูกเพิกถอนโฉนดที่ดินตามคำสั่งกรมที่ดิน พร้อมแจ้งห้ามบุกรุก ก่อสร้าง ครอบครองพื้นที่ดินถูกเพิกถอนโฉนดดังกล่าว
ข่าวแจ้งว่า จากการประชุมมีการสรุปผลถึงปฏิบัติการพิทักษ์ภูขี้ไก่ ทำให้ได้พื้นที่ป่าต้นน้ำมาบริหารจัดการฟื้นฟูใน 2 ส่วน ได้แก่ 1.จากการเพิกถอนโฉนด 3,574 ไร่ 2.พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมนอกพื้นที่เพิกถอนโฉนดที่ดิน 4,032 ไร่ รวมแล้วประมาณ 7,606 ไร่ ในขั้นต้นจะแบ่งพื้นที่ให้ชุมชนดำเนินการ 3 แปลง เนื้อที่ 298 ไร่ โดย ศปป.4 กอ.รมน.จะบูรณาการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ดังนี้
1.การดำเนินการกับผู้ยังคงพักอาศัยหรือครอบครองทำกินในพื้นที่เพิกถอนโฉนดที่ดิน จะเริ่มจากการแจ้งเตือนเพื่อให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือออกจากพื้นที่ด้วยความสมัครใจ แต่หากดื้อดึงฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมาย
2.บริเวณพื้นที่เพิกถอนโฉนดที่ดินและป่าเสื่อมโทรมข้างเคียง ควรได้รับการฟื้นฟูและคุ้มครองโดยเร็ว เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภูเขา ที่ไม่เหมาะสมต่อการทำการเกษตร อีกทั้งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำป่าสัก, ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำป่าสักฝั่งซ้าย และป่าไม้ถาวรป่าหมายเลข 10 ซึ่งการฟื้นฟูคุ้มครองจะส่งผลดีต่อระบบนิเวศโดยรวม สำหรับพื้นที่เพิกถอนโฉนดซึ่งกระจายเป็นแปลงเล็กแปลงน้อยจะให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมดูแลในรูปป่าชุมชน
3.ในพื้นที่ติดต่อกัน ศปป.4 กอ.รมน., กรมป่าไม้ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างดำเนินการทวงคืนจากกลุ่มทุนอีกประมาณ 5-6 พันไร่ เพื่อนำมาฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป
4.ขอความร่วมมือสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนทั่วไปได้รับทราบว่า พื้นที่บริเวณนี้ได้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงซื้อขายที่ดินที่ไม่ถูกกฎหมายอีกต่อไป
ข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2561 มีการบุกรุกป่าเปิดงานใหญ่โต โดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.ได้ออกมาเปิดโปง โดยได้ส่งข้อความและภาพถ่ายทางอากาศของพื้นที่ถูกบุกรุกดังกล่าว ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) ให้สื่อมวลชนต่างๆ รวมทั้งขอให้เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ป่าร่วมกันปกป้องป่าผืนนี้ จนเป็นข่าวดังครึกโครม ทำให้การออกเอกสารสิทธิในป่าบริเวณภูขี้ไก่ ซึ่ง DSI ได้สรุปส่งกรมที่ดินในปี 2552 ประสบผลสำเร็จ ในปี 2562 สามารถเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบ บริเวณภูขี้ไก่รอยต่อ อ.หล่มเก่าและ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รวม 107 แปลง เนื้อที่รวม 3,574 ไร่
หลังจากเพิกถอนโฉนดที่ดิน โดยภาครัฐได้ที่ดินกลับคืนมาเป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำป่าสัก ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ และต้องเร่งฟื้นฟูปลูกป่าทดแทน ศปป.4 กอ.รมน.ได้ขับเคลื่อนกลไกของรัฐโดยได้ประสาน แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กรมป่าไม้ ตั้งแต่ปี 2562-ปัจจุบันโดยได้ติดตามเฝ้าระวังป้องกันเมื่อมีการบุกรุกได้แจ้งหน่วยงานป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่ เข้าดำเนินการ บางกรณีเป็นเรื่องเร่งด่วน ศปป.4 กอ.รมน.ได้เข้ามาเสริมการปฏิบัติหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ เช่น กรณีชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. และ จนท.ป่าไม้ในพื้นที่นำกำลังเข้าจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2564 ได้ผู้ต้องหา 4 คน ยึดไม้ 592 ท่อน ยึดรถบรรทุกพ่วง 1 คัน ตรวจยึดพื้นที่บุกรุก 7 ไร่เศษ
จากการติดตามด้านการข่าวยังคงมีการบุกรุกตัดไม้ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจากกลุ่มนายทุน ที่เข้ามายึดถือครอบครอง มีกลุ่มทุนจากภาคใต้ และนอกพื้นที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงต่อการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำบริเวณภูขี้ไก่
เพื่อปกป้องดูแลป่าต้นน้ำผืนนี้จึงต้องเปิดปฏิบัติการ “พิทักษ์ป่าภูขี้ไก่” เพื่อตรวจยึดพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายให้กลับคืนมาเป็นป่าต้นน้ำป่าสัก ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ป่าภูขี้ไก่ จ.เพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา