ตามที่นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดการบุหรี่ไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ล่าสุด ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการ สคบ. ลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งพบว่ามีประชาชน รวมถึงผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนจำนวนมากร้องเรียนมายัง สคบ. ให้จัดการบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการลักลอบขายในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าดำเนินการห่วงว่าลูกหลานจะไปซื้อมาเสพ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษฯ นำโดยนายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. หลายรายย่องเงียบลงพื้นที่บริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ ตรวจสอบข้อมูลการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าตามที่มีประชาน รวมถึงผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน แจ้งเบาะแส พบมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้ากันอย่างโจ๋งครึ่มนับสิบร้าน บางร้านอยู่ติดกับสถานศึกษาที่เป็นโรงเรียน และติดกับชุมชน บางร้านเปิดขายติดถนนใหญ่ที่มีคนสัญจรไปมาเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า พนักงานเจ้าหน้าที่ของ สคบ. จึงได้ดำเนินการแสดงตนและยึดของกลางทั้งหมด จำนวน 10,478 ชิ้น รวมมูลค่า ประมาณ 3.5 ล้านบาท และดำเนินคดีกับผู้ขายจำนวน 7 ราย จากการสอบปากคำผู้ขายยอมรับว่าเป็นผู้ขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าให้ลูกค้าทั่วไปทั้งเปิดหน้าร้านและสั่งทางออนไลน์ได้ด้วยโดยทางร้านเปิดขายตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ สคบ.เข้าดำเนินการกับร้านที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ปรากฏว่า...ปรากฏว่ามีประชาชนซึ่งเป็นผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน หลายคนได้เข้ามาสอบถามถึงการปฏิบัติการในครั้งนี้ พอทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จาก สคบ. ก็แสดงความดีใจและขอบคุณรัฐบาลรวมถึงรมต.พวงเพ็ชรฯ และเลขา สคบ. ที่เอาจริงเอาจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากเกรงว่าหากมีการปล่อยให้มีสักวันหนึ่งบุตรหลานของตนอาจตกเป็นเหยื่อของสินค้าอันตรายประเภทนี้ ทำให้สุขภาพแย่ ส่งผลกระทบในระยะยาวได้ ซึ่งการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 8/2558 เรื่อง “ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า”ทั้งนี้ หากว่าใครฝ่าฝืนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือ www.ocpb.go.th หรือศูนย์ดำรงธรรม ในทุกจังหวัด