วันที่ 5 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ครั้งที่ 32-8/2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยมี นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานการประชุมแทนปลัด สธ. เนื่องจากเดินทางไปราชการในต่างประเทศ โดยมี นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แห่งตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมหารือกว่า 2 ชั่วโมง โดยที่ประชุมได้พิจารณาสถานะของพืชสมุนไพรกัญชา และ กัญชง และมีมติให้นำกัญชาและกัญชงกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 หลังจากที่ได้มีการปลดล็อกมา 2 ปี
นพ.สุรโชคให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า การประชุมวันนี้มีการพิจารณาในหลายวาระ ซึ่งวาระสำคัญคือการพิจารณา (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. … ที่กำหนดให้กัญชาและกัญชงเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เพื่อเป็นข้อเสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
“ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า กัญชามีประโยชน์ในทางการแพทย์ และการศึกษาวิจัย ไม่เห็นด้วยในการใช้เพื่อสันทนาการ โดยคณะกรรมการมีจำนวน 29 คน ลาออกไป 3 คน เหลือ 26 คน ซึ่งวันนี้มาประชุมไม่ครบ เสียงข้างมากจึงเห็นชอบให้นำกัญชา กัญชงกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อยาเสพติดประเภทที่ 5 ขณะที่เสียงข้างน้อยนั้น มีข้อกังวลโดยให้ความเห็นว่าการควบคุมเข้มเกินไปอาจจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยร่างดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มกัญชา กัญชง ในส่วนช่อดอก สารสกัด THC มากกว่า 0.2% เป็นยาเสพติด ยกเว้นกิ่ง ก้าน ราก ใบ เมล็ด อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าจะมีการเสนอ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. … ตามที่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งร้อยละ 80 เห็นว่าควรนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด พร้อมเรียนข้อเสนอแนะ ข้อความเห็นจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไปยังที่ ป.ป.ส. พร้อมเรียนข้อเสนอแนะจากที่ประชุมในวันนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับทราบ” นพ.สุรโชคกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดจะมีการระบุในส่วนใดบ้าง นพ.สุรโชคกล่าวว่า ตามร่างประกาศฯ ที่ได้เปิดรับฟังความเห็นมา คือ ส่วนของกิ่ง ก้าน ราก ใบ และเมล็ด ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ ส่วนช่อดอกและสารสกัดที่มีปริมาณ THC มากกว่า 0.2% โดยน้ำหนักจะถือว่าเป็นยาเสพติด ส่วนความเห็นว่าควรกำกับให้การอนุญาตส่วนที่ไม่เป็นยาเสพติด จะต้องเป็นส่วนของกัญชาที่อยู่ในประเทศเท่านั้น ก็มีการเขียนในข้อเสนอแนะต่อ ป.ป.ส.
เมื่อถามต่อไปว่า ส่วนของเมล็ดกัญชาที่ไม่เป็นยาเสพติดจะสามารถควบคุมไม่ให้เป็นต้นและมีช่อดอกอย่างไร นพ.สุรโชคกล่าวว่า เรื่องนี้ก็รวบรวมไปในข้อเสนอแนะต่อ ป.ป.ส. โดยหนึ่งในเหตุผลที่ไม่นำเมล็ดกัญชาเป็นยาเสพติด เนื่องจากในเมล็ดไม่มีสาร THC ที่ทำให้เกิดการเสพติด ซึ่งนิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนความกังวลว่าจะเอาเมล็ดกัญชาไปปลูกนั้น ส่วนนี้จะมีการออกกฎกระทรวงสาธารณสุขมาเพื่อกำหนดการอนุญาตว่าใครสามารถปลูกได้ ใครขออนุญาตทำอะไรได้บ้าง ซึ่งจะเป็นการควบคุมในการปลูกทั่วไป
“มติในที่ประชุมวันนี้ยังต้องส่งไปยัง ป.ป.ส.เพื่อพิจารณา ซึ่งอาจจะมีการปรับแก้อีกครั้ง ส่วนกฎหมายอื่นๆ ที่ประกอบกันก็ต้องดูคู่กันไป โดยประกาศชื่อยาเสพติดนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อให้มีระยะเวลาในการแก้ไขกฎหมายอื่นๆ ให้สอดคล้องกับประกาศ” นพ.สุรโชคกล่าว