นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติให้สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในสนามบินนานาชาติในวันพระได้นั้น ถือว่าเหมาะสม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยว ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร ในเบื้องต้นอยากให้ขายได้ในวันพระ รวมถึงปลดล็อกช่วงเวลาที่ห้ามขายในบางเวลาให้ขายได้ด้วย โดยเบื้องต้นให้เริ่มจากเมืองท่องเที่ยวก่อนและทำเป็นโซนนิ่งในบางพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งสถานบันเทิง เช่น ภูเก็ต สมุย ป่าตอง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเทรนด์ของโลกเปลี่ยนไปแล้ว และกฎหมายบางฉบับก็อาจจะล้าสมัยไปแล้ว น่าจะถึงเวลาที่ต้องปรับใหม่ให้มีความเสรี เนื่องจากประเทศไทยเป็นมีเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวและด้านอาหารการกิน
น.ส.ฐนิวรรณกล่าวว่า ปัจจุบันสมาคมอยู่ระหว่าง รวบรวมข้อมูลเพื่อทำหนังสือถึงนายกยกรัฐมนตรี เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือมาตรการบรรเทาผู้ประกอบการร้านอาหาร อย่างเช่น กรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อต้นทุนสูงขึ้นอีก จากปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบก็ปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้ว ทั้งผงชูรส ผักสด เป็นต้น สุดท้ายภาระจะตกไปอยู่ที่ผู้บริโภคที่ซื้ออาหารแพงขึ้น ขณะเดียวกันอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบันยังคงระดับสูงให้ลดลงอีก เพื่อช่วยบรรเทาภาระผู้ประกอบการที่ต้องกู้เงินมาทำธุรกิจ
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ทอท.พร้อมรับนโยบายคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในท่าอากาศยานของ ทอท. ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ ให้สามารถจำหน่ายได้ทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมด้านการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการภายในสนามบิน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนการเริ่มจำหน่ายนั้นคงต้องรอมติอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการฯก่อน
นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า รฟท.ได้ทำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อขอผ่อนผันให้สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในขบวนรถไฟสายท่องเที่ยวและขบวนรถพิเศษได้ จากเดิม รฟท.ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการจำหน่ายไม่ว่ากรณีใดๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารภายในขบวนรถที่ต้องใช้เวลาเดินทางนาน จะเหมือนกับกรณีที่ผู้โดยสารเครื่องบินที่เมื่อเดินทางไกลจะมีเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงแอลกอฮอล์ไว้บริการด้วย
“รฟท.เสนอขายใน 3 พื้นที่ คือ 1.ตู้นอนเป็นชั้น 1 แบบเหมาห้อง 2.เป็นขบวนรถเช่า ที่เหมาเป็นตู้หรือห้องประชุม 3.ตู้เสบียงโดยจำกัดเวลาขายถึง 4 ทุ่ม และจำกัดปริมาณการซื้อ เช่น ขายเป็นแก้ว พร้อมกันนี้ จะมีการกำหนดแนวทางหรือมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ให้ขายเฉพาะในตู้เสบียงของรถไฟ จะไม่มีการให้บุคคลภายนอกหรือร้านค้าในแนวเส้นทางเข้ามาจำหน่าย ขณะที่กลุ่มลูกค้าก็คนละกลุ่ม ไม่ได้ขับรถยนต์ส่วนตัว ดังนั้นปัญหาเรื่องอุบัติเหตุน่าจะตัดไปได้ และหากเรามีการควบคุมที่ดีพอ เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้น ซึ่ง รฟท.มีแนวคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่รอช่วงจังหวะเวลา เห็นเวลานี้เหมาะสม จึงนำเรื่องนี้เสนอไปยังคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาผ่อนปรน” นายอวิรุทธ์กล่าว