นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ และวิสาหกิจชุมชนสู่ผู้ประกอบการเกษตร (Agriperneurs) ที่มีทักษะสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ Growth Mindset and Anti Fragile, Learning Skill, Financial Literacy, Digital Literacy และ ESG Literacy for Resilience เพื่อให้สามารถเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาจากประสบการณ์จริง เพื่อปรับเพิ่มผลิตภาพการผลิต พร้อมกับการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สู่การเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง เพื่อสร้าง New Agricultural S Curve เกิดเป็นรายได้ใหม่ที่นำไปสู่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรที่เติบโตขึ้นในอนาคตอันใกล้
โจทย์สำคัญของการขับเคลื่อน คือ เกษตรกรผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทานจะต้องมีความตระหนักถึงผลกระทบ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มีทัศนคติเชิงบวก และพัฒนาทักษะสมัยใหม่อยู่เสมอ เพื่อบรรเทาผลกระทบและสามารถปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิ อากาศ ระบบเศรษฐกิจที่มีการเชื่อมต่อกันของผู้บริโภคและมาตรฐานสิ่งแวดล้อม สร้างโอกาสให้ภาคการเกษตรของไทยในการเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานสินค้าที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจพลังงานชีวมวล ธุรกิจวัสดุชีวภาพ ธุรกิจเวชสำอาง ธุรกิจเภสัชภัณฑ์
สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการศึกษาแนวทางการส่งเสริมและยกระดับเกษตรกรรุ่นใหม่และวิสาหกิจชุมชนสู่ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร เช่น เจลโปรตีนผำ ใช้นวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การเป็นอาหารแห่งอนาคต โดยการใช้คุณสมบัติของผำ พืชที่อุดมด้วยโปรตีน และ คุณค่าทางโภชนาการสูง ถูกยกให้เป็นซูเปอร์ฟู้ด ที่มีกรดอะมิโนจำเป็น เช่น ไลซีน ที่มีส่วนช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกาย และระบบประสาท มาสกัดเป็นเจลโปรตีน ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคสายรักสุขภาพในปัจจุบันและอนาคต นี่จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม เกษตรแปรรูปไทยในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบโจทย์เทรนด์อาหารแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง รวมถึง Fine Robusta กาแฟสำเร็จรูป พัฒนาในรูปแบบของ Biodegradable Capsule ใช้พลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และ Immersion Bag สร้างโอกาส ทางการตลาด ตอบโจทย์ทางเลือกที่สะดวก รวดเร็ว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นก้าวสำคัญในการทำให้กาแฟไทยก้าวไกลสู่ตลาดโลก ด้วยความยั่งยืนและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ยุคสมัย