นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. หรือ TCEB เปิดเผยว่า ทีเส็บได้ประกาศว่าปี 2568 นี้ เป็น “ปีแห่งไมซ์” (Year of MICE) ประเทศไทยกำลังเดินหน้าอย่างจริงจังสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentives, Conferences, Exhibitions) แห่งภูมิภาคอาเซียน
โดย TCEB ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ใหม่ มุ่งสร้างระบบนิเวศ MICE ที่เข้มแข็ง ครบวงจร และยั่งยืนผ่านการจัดตั้ง “ASEAN MICE Institute” หรือสถาบันไมซ์แห่งแรกของอาเซียน ที่จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันมาตรฐานระดับสากลของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย และสร้างศูนย์กลางองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์บริบทของภูมิภาคอย่างแท้จริง
โดยการจัดตั้ง ASEAN MICE Institute จะเป็นโครงสร้างหลักในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในทุกระดับ โดยจะดำเนินการควบคู่กับการจัดตั้ง Certified Body ของประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่รับรองมาตรฐานกิจกรรมไมซ์อย่างเป็นทางการ และเป็นศูนย์กลางความรู้ นวัตกรรม และการฝึกอบรม สำหรับผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์
สำหรับปี 2568 นี้ ทีเส็บได้วางแผนรองรับการจัดงานระดับนานาชาติจำนวนมากที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น งาน Gastech 2025 การประชุมด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลก และงาน Mega Convention อีกหลายรายการ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินสะพัดหลายพันล้านบาท
นายจิรุตถ์กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์คือเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้ กระจายโอกาส และขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน หากมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยทีเส็บวางแผนขับเคลื่อนไมซ์ยั่งยืนภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์หลัก
ประกอบด้วย 1.ยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่ระดับสากล 2.ตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะ “Certified Body” ของอาเซียน 3.เสริมภาพลักษณ์เชิงนโยบายของรัฐ 4.สร้างความเชื่อมั่นด้วยเครือข่ายแบบบูรณาการ และ 5.เป้าหมายระยะยาวของ TCEB คือการทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของภูมิภาคอาเซียน พร้อมผลักดันให้เกิดมาตรฐานความยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ทีเส็บยังย้ำถึงบทบาทของผู้ประกอบการว่าเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกยังอยู่ในภาวะผันผวน การรวมพลังความร่วมมือ และการยกระดับคุณภาพของบริการคือกุญแจสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้เติบโตแบบไม่สะดุด
“เราต้องการให้ทุกภาคส่วนรู้สึกว่าไม่ได้สู้เพียงลำพัง แต่มีระบบ มีสถาบัน มีมาตรฐานรองรับ และมีภาครัฐที่พร้อมเคียงข้างเพื่อให้ก้าวไปด้วยกัน” นายจิรุตถ์กล่าว
ขณะที่นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันกิจกรรมไมซ์ส่วนใหญ่จะยังคงกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลักที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา แต่ทีเส็บได้วางแผนพัฒนาไมซ์สู่หัวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาค โดยใช้การรับรองมาตรฐาน TMVS (Thailand MICE Venue Standard) เป็นกลไกสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จัดงาน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมและผังเมืองชี้ว่าความท้าทายที่สำคัญคือความพร้อมของพื้นที่จัดงาน โดยเฉพาะโรงแรมหรือศูนย์ประชุมที่สามารถรองรับความต้องการเฉพาะทางของงานไมซ์ได้ เช่น ห้องประชุมขนาดย่อย ห้องรับรอง VIP พื้นที่สื่อ และระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งในโรงแรมที่มีอยู่จำนวนมากยังขาดความครบถ้วน