วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 จังหวัดฉะเชิงเทรา จัดพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาอัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากแม่น้ำบางปะกง วัดโสธรวราราม วรวิหาร นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม วรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมีนางปิติมา รักพานิชมณี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา นางสาวฉัตรประอร นิยม นายประสิทธิ์ อินทโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมแสดงความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพรียง
ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ วัดโสธรวรารามวรวิหาร ในฐานะศูนย์รวมศรัทธาของชาวฉะเชิงเทราและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ได้ร่วมกับจังหวัดฉะเชิงเทรา จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงอุทิศพระองค์ประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความผาสุกของพสกนิกรและความเจริญของประเทศชาติ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง รวมทั้งสิ้น 100,974 ตัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เสริมสิริมงคล และส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางน้ำ ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ภายในงานยังมีพิธีไถ่ชีวิตโคกระบือ จำนวน 74 ตัว เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล โดยมอบให้เกษตรกรที่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูและประกอบอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างความมั่นคงในภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เกษตรกรที่ได้รับโคกระบือจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดู เพื่อให้สัตว์ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ เวลา 10.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราและคณะ ได้ร่วมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้บริจาคโลหิต ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างวัดโสธรวราราม วรวิหาร เหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา โรงพยาบาลพุทธโสธร และจังหวัดฉะเชิงเทรา ณ อาคารอเนกประสงค์พระธรรมมังคลาจารย์ วิ. ชั้น 1 วัดโสธรวราราม วรวิหาร โดยมีประชาชนและจิตอาสาเข้าร่วมบริจาคโลหิตจำนวนมาก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุขของประเทศ การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของประชาชนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นเวทีสำคัญในการรวมพลังความสามัคคีของคนในชาติ และร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้ก้าวหน้า มั่นคง และยั่งยืนภายใต้ร่มพระบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทย