ป.ป.ส. เดินเกมรุกงานป้องกันยาเสพติดเต็มรูปแบบ บุกตรวจโรงงานสารเคมีใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังพบพฤติกรรมเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่แจ้งข้อมูลการเคลื่อนย้ายสารตั้งต้นกลุ่มเสี่ยง หวั่นหลุดรอดสู่ขบวนการผลิตยาเสพติด สร้างความเสียหายมหาศาลต่อประเทศ เมื่อวันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568 พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และนายสราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภาค 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ บูรณาการร่วมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานสารเคมีในพื้นที่ อ.บ้านฉาง เพื่อสกัดกั้นการนำสารตั้งต้นไปใช้ผลิตยาเสพติด ตามมาตรการควบคุมสารเคมีเข้มข้น
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ส. ระบุว่า นโยบายสำคัญคือการแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยยกระดับมาตรการ “ตัดวงจรการผลิต” มุ่งคุมเข้มสารตั้งต้น (Precursor) และเคมีภัณฑ์ ภายใต้นโยบาย “No Chemical No Drugs” โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้สารเคมีรั่วไหลไปยังแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ แม้สารเหล่านี้ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปได้ตามกฎหมาย แต่เป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน การตรวจครั้งนี้ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติด คำสั่ง คสช. ที่ 32/2559 และประกาศกระทรวงยุติธรรม กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งการนำเข้า-ส่งออก หรือเคลื่อนย้ายสารเคมีกลุ่มเสี่ยงต่อ ป.ป.ส. ทุกครั้ง จากการสืบสวนพบว่า โรงงานดังกล่าวดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี และมีประวัติส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว) โดยในช่วงปี 2567-2568 ตรวจพบการส่งออกโซเดียมคาร์บอเนต 4 ครั้ง รวมกว่า 3,000 กิโลกรัม โดยไม่แจ้งข้อมูลตามระเบียบโซเดียมคาร์บอเนตถือเป็นสารสำคัญในกระบวนการแปรสภาพมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน หากปริมาณดังกล่าวหลุดรอดถึงแหล่งผลิต สามารถนำไปผลิตเฮโรอีนได้ถึงราว 750 กิโลกรัม นับเป็นปริมาณมหาศาลที่สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อสังคม จากการเข้าตรวจค้นภายในโรงงาน เจ้าหน้าที่ตรวจยึดสารเคมีและเคมีภัณฑ์รวม 1,245 กิโลกรัม ประกอบด้วย คลอรีนน้ำ 21 ถัง (420 กก.) อะซีโตน 10 ถัง (150 กก.) และบอแร็กซ์ 27 กระสอบ (675 กก.) ซึ่งจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 และ 3 ใช้ในขั้นตอนฟอกและตกผลึกยาเสพติด แต่ตรวจสอบไม่พบการขึ้นทะเบียนและไม่มีใบอนุญาตครอบครอง จึงต้องยึดไว้เพื่อตัดเส้นทางการกระจายสู่ขบวนการค้ายา
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ย้ำเตือนผู้ประกอบการทั่วประเทศให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบการครอบครอง การใช้ และรายงานการเคลื่อนย้ายสารเคมีกลุ่มเสี่ยงอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการค้ายาเสพติด และร่วมกันปกป้องอนาคตของเยาวชนไทยจากภัยยาเสพติด