สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นำคณะสื่อมวลชน ไปเยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 97 ชูเป็นตัวอย่างของการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานรัฐ พร้อมทั้งเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านเปร็ดใน และชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ประสานมือกับชาวบ้านในชุมชน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน อย่างยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการ ก.พ.ร. และนางกิตติยา คัมภีร์ รองเลขาธิการ ก.พ.ร.พร้อมคณะ ได้นำสื่อมวลชนจากกรุงเทพมหานคร เดินทางไปยังจังหวัดตราด เพื่อเยี่ยมชมการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ซึ่งกรมเจ้าท่าได้ดำเนินการก่อสร้าง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การลงทุนในพื้นที่จังหวัดตราด และเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วก็จะมอบท่าเรือดังกล่าวให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อสรรหาเอกชนเข้ามาร่วมบริหารท่าเรือในเชิงพาณิชย์ต่อไป
จากนั้น ก.พ.ร. ได้เดินทางต่อไปยังศูนย์เรียนรู้ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินการ “โครงการเครือข่ายชุมชนป่าชายเลนยั่งยืน” ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์แห่งนี้ได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประจำปี 2558 ประเภทการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ในระดับดีเยี่ยม จาก สำนักงาน ก.พ.ร.
และเดินทางต่อไปยังชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด เพื่อรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินการเครือข่าย “เยาวชน ค.ตนต้นน้ำ” ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนอาสา ลูกหลานคนในพื้นที่ โดยได้ร่วมกันอนุรักษ์ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวให้ปลอดจากขยะและมลภาวะ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ซึ่งมีประชากรประกอบด้วยผู้นับถือศาสนาพุทธอิสลามและจีน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสงบสุข กลายเป็นชุมชนหลากวัฒนธรรมและเป็นแห่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวหลายรูปแบบ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมการท่องเที่ยว และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้เข้าไปให้การส่งเสริม ให้มีโฮมสเตย์เกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางไปเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย
คณะสื่อมวลชนยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมหาดทรายดำ ที่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โดยนายธนิต แสงวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรม ประสานงานเครือข่ายที่ 1 ตราด บรรยายให้ฟังว่า หาดทรายดำแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย และ 1 ใน 5 ของโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งค้นพบใหม่ โดยจังหวัดตราดได้เข้ามาพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นป่าชายเลน และอยู่ในความรับผิดชอบของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีผู้สนใจเดินทางมาศึกษาธรรมชาติและเยี่ยมชมหาดทรายดำแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ กล่าวว่า สำนักงาน ก.พ.ร.ได้ดำเนินตามโครงการรณรงค์สื่อสารเสริมสร้างธรรมาภิบาลร่วมต้านทุจริต โดยพาสื่อมวลชนติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยการดูเเลของกรมเจ้าท่า การก่อสร้างมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 97 โดยเป็นการก่อสร้างทดแทนสะพานท่าเทียบเรือเดิมที่ชำรุด บนพื้นที่ของกองทัพเรือ และเทศบาลตำบลคลองใหญ่ จำนวน 26 ไร่ มูลค่าก่อสร้าง 1,295 ล้านบาท มีความกว้างของตัวสะพานท่าเทียบเรือ 1.86 เมตร 4 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 2,058 เมตร รองรับเรือสินค้าระวางขับไม่เกิน 500 ตันกรอส เพื่อรองรับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าทางเรือกับประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว ท่าเรือประมงน่านน้ำ ท่าเรือตรวจการณ์ของหน่วยงานราชการ และท่าเรือกองทัพเรือ
โดยมีเขื่อนกั้นคลื่นยาวประมาณ 1,000 เมตร และมีสิ่งก่อสร้างบนบกประกอบด้วย อาคารสำนักงานบริการขนส่งสินค้า โรงอาหาร อาคารพักคอย โกดังสินค้า ด่านช่างน้ำหนัก อาคารซ่อมบำรุงและระบบสาธารณูปโภค ซึ่งขณะนี้กรมเจ้าท่า ในฐานะผู้ดูแลโครงการดังกล่าวกำลังเตรียมความพร้อมส่งโครงการให้กับกรมธนารักษ์เพื่อดำเนินการสรรหาเอกชนเข้ามาร่วมบริหารท่าเรือในเชิงพาณิชย์ต่อไป
“โครงการแห่งนี้ ถือเป็นตัวอย่างการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องบูรณาการร่วมกัน โดยก.พ.ร.ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบราชการ จะต้องสรุปบทเรียนของโครงการลักษณะนี้ว่าเป็นตัวอย่างการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ จะต้องมีการทำงานร่วมกันเป็นระยะๆ มีการหารือถึงปัญหาและอุปสรรคระหว่างหน่วยงานอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด” นายชูเกียรติ กล่าว