นายชนินทร์ เชาวน์นิรัติศัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP และ SPP ในประเทศ รวมทั้งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ การเติบโตดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเอ็กโก กรุ๊ป สามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ รวมทั้งมีการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ที่เข้าไปร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและงบประมาณที่วางไว้ โดยโรงไฟฟ้า “ขนอม หน่วยที่ 4” จะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบใน วันที่ 19 มิถุนายน 2559 เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าขนอมเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญา และจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 3 นี้ รวมทั้งคาดว่าโรงไฟฟ้า “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” จะก่อสร้างแล้วเสร็จและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน
“นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพื่อเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรเดิมที่ถือหุ้นอยู่ในโรงไฟฟ้า “มาซินลอค หน่วยที่ 1-3” ในประเทศฟิลิปปินส์ พัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตไฟฟ้า ได้แก่ “ระบบแบตเตอรี่เก็บไฟฟ้า” (Battery Energy Storage) ประเภทลิเธียมไอออน ขนาด 10 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงไฟฟ้า มาซินลอค หน่วยที่ 1-3 ในจังหวัดแซมบาเลส เพื่อให้บริการเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าบนเกาะลูซอน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา และแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ราวปลายเดือนมิถุนายน 2559 นี้” นายชนินทร์ กล่าวสรุป