นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์บทความบนเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
เผือกร้อนในมือผู้ว่าฯ ลำพูน กับการเอาจริงตามแผนปฏิรูปประเทศฯ เรื่องอื้อฉาวในการจัดซื้อชุดของใช้ประจำวันคนชราป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 มูลค่า 16.3 ล้านบาท ของ อบจ. ลำพูน ที่ขณะนี้ทั้ง ป.ป.ช. สตง. และ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งให้มีการสอบสวนแล้วน่าสนใจว่า กรณีนี้ผู้ว่าฯ ลำพูนต้องดำเนินการสอบสวนให้เสร็จภายใน 7 วัน แล้วรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ หากพบว่ามีความผิดก็ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาโดยเร็วภายใน 30 วัน ถึงแม้การสอบสวนยังไม่ชัดเจนแต่มีเหตุน่าเชื่อถือ ก็ให้ปรับย้ายผู้ถูกกล่าวหานั้นไปตำแหน่งอื่นชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน
ที่กล่าวมาเป็นแนวปฏิบัติโดยสังเขปของ ‘มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระบบราชการ’ ตามมติ ครม. ที่ คสช. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในขณะนั้นเสนอต่อรัฐบาลเมื่อ 27 มีนาคม 2561 และแนวทางนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของ ‘แผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน’ ด้วย ดังนั้น นับจากวันที่ท่านผู้ว่าฯ ทราบเรื่องหรือตั้งกรรมการสอบสวน เท่ากับเป็นการเริ่มนับวันที่หนึ่งของกระบวนการตามมาตรการนี้แต่ผู้เขียนไม่เคยพบว่ามีการใช้มาตรการนี้กับกรณีทุจริตใดมาก่อน ดังนั้นหากท่านผู้ว่าฯ ไม่สามารถปฏิบัติได้ จะถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่หรือมีความผิดทางวินัยหรืออาญาประการใดหรือไม่ เป็นเรื่องที่ประชาชนควรติดตามต่อไป เพราะนี่คือการพิสูจน์ให้คนทั้งประเทศเห็นว่า ‘มติ ครม. และแผนปฏิรูปประเทศ’ มีความศักดิ์สิทธิ์และความจริงจังที่ทุกคนต้องถือปฏิบัติเพียงใด