นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ณ วันที่ 26 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยสามารถ จับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ เพิ่ม 2 ราย ในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นที่พักผู้จำหน่ายชาวจีน 1 ราย พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยกล่องสีเขียว จำนวน 10,000 ชิ้น และหน้ากากอนามัย บรรจุซองใส จำนวน 150 ชิ้น รวม 10,150 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดเป็นผู้ผลิต ไม่แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) นอกจากนี้ยังได้เข้าตรวจค้น และจับกุมบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย อีก 1 ราย พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยนำเข้าจากประเทศจีน จำนวน 243,000 ชิ้น เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลาง และแจ้งข้อหากระทำความผิดเป็นผู้ผลิต ไม่แจ้งชื่อ และต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ ต่อ กกร. ตามมาตรา 25 (5) และมาตรา 26 ส่วนในต่างจังหวัดไม่พบรายงานการจับกุมเพิ่ม
โดยสถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ มียอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 397 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 176 ราย และต่างจังหวัด 221 ราย
ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง มาตรา 26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้าย แสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสุพพัตกล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และจริงจัง กับผู้กระทำความผิดทุกราย ที่พบมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที อยากย้ำเตือนประชาชนอย่ากักตุนสินค้า หรือค้ากำไรเกินควร ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าจำเป็นอื่น ๆ เช่น ไข่ไก่ สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นต้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด – 19 เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน “หากผู้บริโภคพบเห็นการกักตุนหรือค้ากำไรเกินควร สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569และ ในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด” นายสุพพัตกล่าว