ท่องเที่ยวชุมชน
“ภูลมโล” ซากุระแดนสยาม
งามเหมือนไปแดนอุทัย
ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 แบบนี้ คงทำให้ใครหลายๆ อาจจะต้องกักตัวอยู่บ้านจนเริ่มเฉากันแย่ แต่ถ้าใครกำลังมีแผนจะไปเที่ยวหลังโควิด-19 คลี่คลายแล้ว และอยากหาสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ขอแนะนำ “ภูลมโล” บ้านกกสะท้อน ที่มีความงามละม้ายคล้ายคลึงกับดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่น เราจึงมักเรียกว่า “ดอกซากุระเมืองไทย” ที่ ภูลมโล แห่งนี้ จึงเป็นที่ที่ทีมสายดอกไม้ สายแชะ สายหวาน ไม่ควรพลาดความสวยงาม แห่งทฤษฎีสีชมพู
บ้านกกสะทอน ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่ง“ภูลมโล”เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่มีรอยต่อของ 3 จังหวัดคือ เลย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เดิมเคยเป็นพื้นที่สีแดงในยุคคอมมิวนิสต์ ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบพื้นที่ภูลมโลถูกถางพงป่าทำไร่เลื่อนลอยจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้น ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจึงขอพื้นที่คืน โดยตกลงให้ชาวบ้านผู้ที่ถางพงให้ปลูกพืชไร่ควบคู่ไปกับปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นก็ได้มีการปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ภูลมโลจึงเป็นสถานที่ที่ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยเป็นจำนวนหลายหมื่นต้น บนพื้นที่ 1,200 ไร่
บ้านกกสะทอน หมู่บ้านเล็กๆ ในอำเภอด่านซ้าย เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สามารถขึ้นไปถึงภูลมโลได้ อีกทั้งเส้นทางนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์อยู่มาก และทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์หรือยานพาหนะที่อุทยานฯ ไม่อนุญาตขึ้นไปในเขตภูลมโล เพื่อเป็นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ในอุทยานแห่งชาติ และรักษาสภาพแวดล้อมไม่ให้ถูกทำลาย อีกทั้งยังเป็นมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย
ชาวบ้านกกสะทอนจึงได้รวมตัวก่อตั้ง ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน เพื่อบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปเที่ยวภูลมโล โดยเป็นหนึ่งในสถานที่ชม ซากุระเมืองไทย ตั้งอยู่ที่ ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างอุทยานภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก และภูทับเบิกของ จังหวัดเพชรบูรณ์ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะนอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยามเมื่อดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งพร้อมกัน หุบเขาแห่งนี้ก็เหมือนถูกย้อมไปด้วยสีชมพูแสนหวาน กลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามตรึงใจ
เมื่อก่อนนี้บริเวณโดยรอบภูลมโล เป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลีของชาวม้ง ต่อมาทางอุทยานได้ทำข้อตกลงให้ชาวม้งอยู่อาศัยได้ แต่ต้องปลูกกะหล่ำปลีสลับกับปลูกต้นพญาเสือโคร่ง จนถึงวันนี้ไร่กะหล่ำปีหายไป เหลือเพียงต้นพญาเสือโคร่งที่กำลังเติบโต และออกดอกสีชมพูสะพรั่งให้นักท่องเที่ยวได้ชม สำหรับช่วงเวลาเบ่งบานของดอกพญาเสือโคร่งจะบานเต็มที่ราวๆ ปลายเดือน ม.ค.-ต้นเดือน ก.พ.นอกจากนี้ยังมีให้ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง
นอกจากนี้ ยังมีแปลงพืชผักเมืองหนาวจำนวนมาก เช่น ต้นพลับ ต้นท้อ กะหล่ำปลี แครอท บล็อกโคลี่ สตอเบอรี่ เป็นต้น โดยจุดสูงสุดอยู่บริเวณ “ยอดภูลมโล” มีความสูง 1,680 เมตร จากระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 5-20 องศา ซึ่งด้านบนนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนได้กว้างไกล และตลอดทางขึ้นยอดภู ก็มีดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยหวาน ประดับประดาอยู่เต็มสองฝากถนน เป็นมุมถ่ายรูปที่เพอร์เฟคมาก
ในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ภูลมโล ดอกนางพญาเสือโคร่งจะเริ่มผลิดอก และทยอยบานไล่กันไป มี 3 แปลงหลักๆ ให้ชม ได้แก่ แปลงที่ภูลมโล แปลงก้อนหินใหญ่ และแปลงภูขี้เถ้าสายข่าวรายงานสถานการณ์มาว่า ดอกนางพญาเสือโคร่งได้บานประมาณ 80% แล้ว ฉะนั้นสายดอกไม้ สายเเชะ สายหวาน ต้องรีบเตรียมตัววางแผนการเดินทาง อีกไม่เกิน 5 วันนี้บานครบ 100% แน่นอน
มาทำความรู้จัก ดอกนางพญาเสือโคร่ง กันบ้าง มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Prunus cerasoides ชื่อเป็นทางการว่า Wild Himalayan Cherry เป็นพืชดอกในสกุล Prunus จะออกดอกช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ พบทั่วไปบนภูเขาที่ความสูงตั้งแต่ 1,200 – 2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล
การเดินทางไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลทางบ้านกกสะทอน สามารถนำรถไปจอดที่ลานจอดรถองค์การบริหารส่วนตำบลกกสะทอน เเละติดต่อใช้บริการรถกะบะ 4w โดยคนขับรถที่เชี่ยวชาญและชำนาญเส้นทาง จากชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนกกสะทอน ด้วยระยะทาง 20 กิโลเมตร นั่งรถชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย โยกเยกเอย ไม่เกิน 40 นาทีก็ถึง
การท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติเเบบนี้ เราต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ช่วยกันดูแลธรรมชาติให้คงอยู่ รักษาความสะอาด เก็บขยะและทิ้งให้เป็นที่ แล้วยิ่งถ้าคนมาเที่ยวกันมากมายก็ควรจะมีน้ำใจแบ่งปันพื้นที่ถ่ายรูปซึ่งกันและกัน และห้ามจับหรือเด็ดดอกไม้ออกจากต้นมาเชยชมเพียงคนเดียว ธรรมชาติสวยงามก็ควรให้อยู่กับธรรมชาติของมัน คนที่มาภายหลังจะได้มีโอกาสชื่นชมความสวยงามด้วย
สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวแล้วยังไม่ได้หาที่พักล่ะก็ขอแนะนำภูผาน้ำ รีสอร์ท ที่พักสวยที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขา ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 620 เมตร บนพื้นที่กว่า 1,300 ไร่ แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้และทะเลสาบขนาดใหญ่ จึงทำให้บรรยากาศเงียบสงบ ในส่วนของห้องพักมีมากถึง 6 แบบในเลือกพักผ่อน ซึ่งแต่ละหลังก็จะดีไซน์แตกต่างกันไป แต่จะเน้นโชว์เนื้อไม้สีสวยเข้ากับธรรมชาติ และอีกหนึ่งไฮไลท์คือ ทุกห้องจะมีระเบียงที่ยามเช้าสามารถทะเลหมอกได้แบบส่วนตัว นอกจากนี้ยังมากมายด้วยมุมสนุกอย่าง ฟาร์มกล้วยไม้ ฟาร์มกวาง สวนนก และไร่ส้ม เรียกว่าเที่ยวกันเพลินจนลืมซากุระกันเลย
รวมไปถึง “รังเย็น รีสอร์ท” อีกหนึ่งที่พักบรรยากาศสุดอันซีน ที่โอบล้อมด้วยป่าสุดกรีนและฝายน้ำ แถมด้วยสวนดอกไม้เมืองหนาวที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม ทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ในส่วนของห้องพักจะมีทั้งแบบเป็นหลัง และแบบโรงแรม รวมแล้วมีทั้งหมด 8 แบบ ซึ่งแต่ละหลังก็จะดีไซน์ในฟีลที่ต่างกันออกไป ซึ่งภายในก็สวยงาม และครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และยังห้องสัมมนารองรับการจัดค่ายอีกด้วย
ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน มีรถบริการนำขึ้นไปเที่ยวด้วยรถกะบะ 4w สามารถนั่งได้ 10 คน ในราคาเหมาคันไปกลับ ราคา 1,500 บาท ใช้เวลาเที่ยวบนภูลมโลประมาณ 3-5 ชั่วโมง และมีค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องเกล้า คนละ 40 บาท สำหรับใครที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาก็มาจอดได้ที่ลานจอดรถข้างองค์การบริหารส่วนตำบลกกสะทอน โดยเริ่มเปิดให้ขึ้นตั้งแต่เวลา 05.00 – 16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 06 2557 0912 , 06 2557 0913