ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดโควิด-19 ซ้ำเติมราคายางพาราไทยดิ่ง 30-50 บาท/กก.
07 พ.ค. 2563

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปี 2563 จะเป็นปัจจัยระยะสั้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างราคายางพาราในระยะยาว โดยเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคายางพาราในรูปแบบใหม่ที่อาจไม่มีวัฏจักรราคาอีกต่อไปในแง่ของความเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เช่นในอดีต เนื่องจากจะเป็นการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลงในกรอบแคบๆ บนฐานของ New Normal ซึ่งเป็นช่วงราคาใหม่ที่ต่ำกว่าเดิมและยากแก่การที่จะมีราคากลับไปสูงขึ้นได้อีกเช่นในอดีต อันจะเป็นการซ้ำเติมราคายางพาราไทยให้ต้องเผชิญความยากลำบากและย่ำแย่ขึ้นไปอีก โดยคาดว่า การเคลื่อนไหวของราคายางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ของไทยตั้งแต่ปี 2563 บนฐาน New Normal อาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราว 30-50 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ แม้ไทยจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราอันดับหนึ่งของโลก แต่ไทยก็ไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ เนื่องจากยางพาราของไทยเป็นสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออกกว่าร้อยละ 80 และที่สำคัญคือยางพาราเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) จึงถูกกำหนดราคาจากอุปสงค์และอุปทานในตลาดโลก ทำให้ไทยต้องอยู่ในฐานะผู้ยอมรับราคา (Price Taker) อีกทั้งลักษณะสินค้าของยางพาราที่เป็นการแปรรูปอย่างง่ายและสินค้ามีความแตกต่างกันน้อย (Low Product Differentiation) ทำให้อุตสาหกรรมยางพาราของไทยเผชิญการแข่งขันสูง นับเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไทยได้เผชิญและต้องยอมรับความผันผวนของราคายางที่ถูกกำหนดมาจากตลาดโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากปัญหาเชิงโครงสร้างในการกำหนดราคายางพาราของไทยที่ต้องอิงกับตลาดโลก ทำให้สถานการณ์ราคายางพาราไทยที่เดิมก็ย่ำแย่อยู่แล้วจากการติดอยู่ในวัฎจักรราคาช่วงขาลง มองต่อมาในช่วงต้นปี 2563 ที่ไทยต้องมาเจอปัจจัยลบครั้งใหญ่ตอกย้ำให้สถานการณ์ราคายางพาราของไทยแย่ไปกว่าเดิมอีก จากการที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่กระจายเป็นวงกว้าง จนกระทั่งเมื่อ 11 มีนาคม 2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเป็นภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) นับเป็น Shock ครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง และกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมยางพาราเป็น Double Shock ทั้งในฝั่งของอุปสงค์ (กำลังซื้อหาย โดยเฉพาะจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป) และในฝั่งของอุปทาน (หยุดการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์)

สะท้อนจากราคายางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ของไทยในเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 ที่ปรับตัวลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 36.8 และ 33.6 บาทต่อกิโลกรัม หรือลดลงร้อยละ 5.3 และ 8.7 (MoM) ตามลำดับ สวนทางกับปัจจัยด้านฤดูกาลที่ปกติราคาจะขึ้นในช่วงนี้ที่เป็นฤดูปิดกรีดยางซึ่งมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนน้อย (ราวร้อยละ 5.1 ของผลผลิตยางพาราทั้งปี) นับว่าวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณในการเริ่มต้นการเคลื่อนไหวของราคายางพารารูปแบบใหม่ในระยะต่อไป โดยที่วัฏจักรราคาขาลงรอบเก่าในช่วงปี 2555-2562 ได้สิ้นสุดลงไปด้วย

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปี 2563 จะเป็นปัจจัยระยะสั้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างราคายางพาราในระยะยาว โดยเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคายางพาราในรูปแบบใหม่ที่อาจไม่มีวัฏจักรราคาอีกต่อไปในแง่ของความเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เช่นในอดีต เนื่องจากจะเป็นการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นลงในกรอบแคบๆ บนฐานของ New Normal ซึ่งเป็นช่วงราคาใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม และยากแก่การที่จะมีราคากลับไปสูงขึ้นได้อีกเช่นในอดีต อันจะเป็นการซ้ำเติมราคายางพาราไทยให้ต้องเผชิญความยากลำบากและย่ำแย่ขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของราคายางพาราในรูปแบบใหม่ จะเป็นการเคลื่อนไหวขึ้นลงผันผวนในกรอบแคบ (ไม่ผันผวนมากดังเช่นวัฏจักรในอดีต) สอดคล้องไปกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่น่าจะเติบโตไปอย่างช้าๆ บนฐานของ New Normal ด้วยเหมือนกัน

สำหรับผลจากการที่สถานการณ์โควิด-19 (ปัจจัยระยะสั้น) มาเปลี่ยนโครงสร้างราคายางพาราไปสู่ New Normal (ปัจจัยระยะยาว) หรือสิ่งที่จะเห็นในระยะยาวหลังจบโควิด-19 ที่มีต่อโครงสร้างราคายางพารา คือ การทวนกระแสของโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) จะมีความเข้มข้นมากขึ้น ทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลงเรื่อยๆ เพราะทุกประเทศจะเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจ (Policy Shift) จากส่งออกเป็นเติบโตในประเทศ ดังนั้น ประเทศต่างๆ จะอาศัยการบริโภคและการลงทุนในประเทศเป็นเครื่องจักรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนต่อภาคการส่งออกจากผลของการปิดเมืองในหลายประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ท้ายที่สุด อาจกระทบต่อการส่งออกยางพาราของไทยให้ลดลงในระยะยาว และจากการทวนกระแสของโลกาภิวัตน์นี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเคลื่อนไหวของราคายางพาราขึ้นลงในกรอบแคบๆ เศรษฐกิจโลกซบเซา คาดว่า โดวิด-19 จะฉุดภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2563 ให้เข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างทั่วโลก จนทำให้หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเกิด New Normal ในระยะยาว

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลพวงจากโควิด-19 อย่างหนักในช่วงปี 2563-2565 และหลังจากนั้น เศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวขึ้นและสามารถเดินเครื่องต่อได้โดยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ ส่งผลต่อความต้องการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งอาจกระทบการส่งออกยางพาราไทย และกดดันราคายางให้เคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำในกรอบแคบๆ บนฐาน New Normal ที่คาดการณ์นี้ ตลาดรถยนต์โลกหดตัว โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลก โดยคาดว่า จำนวนยอดขายรถยนต์ของจีน ปี 2563 อาจหดตัวราวร้อยละ 5.0 จากวิกฤติโควิด-19 ที่มีการจำกัดการเดินทางของผู้คน รวมถึงมาตรการกักกันโรค

นอกจากนี้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่จะเกิด New Normal ขึ้นในระยะยาว จะส่งผลต่อความต้องการใช้ยางพาราเพื่อผลิตยางล้อให้ลดลงด้วย ประกอบกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของยางล้ออย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการใช้ยางธรรมชาติที่ลดลงในระยะยาว เช่น ยางไร้ลม ที่ไม่ต้องเติมลมตลอดอายุการใช้งาน ไม่รั่ว ไม่แตก รวมถึงเทคโนโลยียางล้อเพื่อรถยนต์ระบบไฟฟ้า ที่มีการสึกหรอน้อยกว่ายางล้อรถยนต์ทั่วไป ล้วนเป็นปัจจัยทำให้ไม่ต้องมีการเปลี่ยนยางบ่อย ท้ายที่สุด การพัฒนาด้านเทคโนโลยี/นวัตกรรมยางล้อ (สอดคล้องไปกับการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ของจีนที่จะทำให้เกิดการลงทุนและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีในประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาว) จะทำให้ความต้องการใช้ยางพาราลดลง และกดดันการส่งออกยางพาราไทยให้ลดลงตามไปด้วยในระยะยาว

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวในระดับต่ำ จากทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกที่ร่วงลงมาอยู่ในระดับ 20-30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2563 จากเดิมที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 50-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2562 เนื่องจากการปรับลดราคาน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย และอุปสงค์การใช้น้ำมันโลกที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับความไม่แน่นอนของการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ทำให้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในระยะยาว น่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ท้ายที่สุด อาจกระทบต่อมูลค่าการส่งออกสินค้า ที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันดิบอย่างยางพาราให้มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำเช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...