นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ระหว่างวันที่ 5 - 7 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ เพิ่มอีก 4 ราย ดังนี้
กรุงเทพฯ 3 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบบ้านพักอาศัย 1 ราย พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาที่ผลิตในประเทศ จำนวน 194,400 ชิ้น และหน้ากากอนามัยนำเข้าจากประเทศจีน จำนวน 202,520 ชิ้น รวมทั้งสิ้น 396,920 ชิ้น จึงแจ้งข้อหากระทำความผิดเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน และไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือรายวัน ต่อ กกร. ตามมาตรา 25 (5) และมาตรา 26 เจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อและจับกุม ผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยที่มีฉลากข้างกล่องเป็นภาษาไทย ในราคา ชิ้นละ 11 บาท จำนวน 24,000 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือรายวัน ต่อ กกร. จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาเกินควบคุม และราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 25 (5)(1) และมาตรา 29 และอีก 1 ราย เป็นร้านขายยา พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบผ้า ในราคาชิ้น 30 บาท และแอลกอฮอล์ ขนาด 1 ลิตร ในราคา 90 บาท โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย เป็นกระทำความผิด ตามมาตรา 28
ส่วนในต่างจังหวัด 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อและจับกุม ร้านค้าทั่วไปในจังหวัดอุบลราชธานี พบจำหน่ายหน้ากากอนามัย ในราคาชิ้นละ 15 บาท จำนวน 41 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มีจำนวนเพิ่มถึง 417 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 186 ราย และต่างจังหวัด 231 ราย
สำหรับสถานการณ์การจำหน่ายไข่ไก่ในขณะนี้ โดยรวมความต้องการซื้อไข่ไก่ลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติประชาชนซื้อเท่าที่พอเพียงต่อการบริโภค อีกทั้งมีปริมาณผลผลิตไข่ไก่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น สามารถสั่งซื้อและส่งสินค้าได้ตามปกติ แต่จากการติดตาม ตรวจสอบ และจับกุม ยังคงพบการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในความผิดจำหน่ายไข่ไก่โดยไม่ปิดแสดงราคาขาย ตามมาตรา 28 เพิ่ม 1 ราย ในกรุงเทพฯ ทำให้ยอดรวมการจับกุมสะสมเพิ่มเป็น 29 ราย
ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง มาตรา26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทและมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสุพพัต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (โควิด – 19) อยากย้ำเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุน และขายสินค้าแพงเกินจริง โดยเฉพาะสินค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในสถานการณ์ดังกล่าว หากพบการกระทำความผิด กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน “หากพบมีการกักตุนสินค้าและขายสินค้าแพงเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด” นายสุพพัตกล่าว