นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงความกังวลว่าสหรัฐฯ และจีนอาจกลับมามีความขัดแย้งทางการค้ากันอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐฯ อาจยกเลิกข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกกับจีน หากจีนไม่ทำตามข้อตกลงการซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 2 ปี (วันที่ 1 ม.ค. 2563 – 31 ธ.ค. 2564) นอกจากนี้ สหรัฐฯ พร้อมจะกลับมาใช้มาตรการกับจีนเพิ่มเติม โดยอ้างเหตุการพบความเชื่อมโยงระหว่างจีนและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังสร้างความเสียหายต่อประชากรและเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่าการที่สหรัฐฯ เร่งผลักดันให้จีนซื้อสินค้า อาจเกิดจากความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนที่หดตัวครั้งแรกในรอบ 33 ปี จะเป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ตามที่จีนตกลงไว้ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารกดดันให้จีนซื้อสินค้าพลังงานจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่จีนมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 19 – 20 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่นำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ในปริมาณน้อยมาก อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่วันลงนามข้อตกลงฯ (15 ม.ค. 2563) จีนได้ทยอยดำเนินการตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ อาทิ ในด้านการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร จีนได้ยกเลิกข้อจำกัดการนำเข้า และเพิ่มความสะดวกในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ เช่น สัตว์ปีกและสินค้าสัตวปีก อาหารสัตว์ โปรตีนจากสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม นมผงทารก และมันฝรั่งสด
จากข้อมูลการค้าสหรัฐฯ - จีน ในไตรมาสแรกของปี 2563 จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ในกลุ่มสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ เป็นมูลค่ารวม 19,995 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.1 เทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน จากกลุ่มอุตสาหกรรม และสินค้ากลุ่มพลังงาน ที่ชะลอตัวลงร้อยละ 17.0 และ 69.1 ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ภาคการผลิตและเศรษฐกิจจีนชะงักงันช่วงต้นปี ขณะที่จีนนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 104.3 และมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่เติบโตสูง อาทิ เนื้อและเครื่องในสุกร สัตว์ปีก ข้าวฟ่าง ฝ้าย อย่างไรก็ตาม จีนมีการนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ เพียงร้อยละ 11.8 ซึ่งไม่ถึงหนึ่งในสี่ของมูลค่าที่จีนตกลงจะนำเข้าทั้งปี (169,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ เร่งผลักดันให้จีนนำเข้าเพิ่มขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงฯ ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรก กำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานประเมินและระงับข้อพิพาทสองฝ่าย (Bilateral Evaluation and Dispute Resolution Office) ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถหารือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินการตามข้อตกลงฯ ได้
ในส่วนของการใช้มาตรการกับจีนเพิ่มเติม โดยอ้างเหตุความเชื่อมโยงระหว่างจีนกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ขณะนี้ทางการสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลที่มาของการแพร่ระบาดเพิ่มเติม และพิจารณามาตรการที่อาจนำมาใช้กับจีน เช่น การคว่ำบาตร การยกเลิกการจ่ายคืนหนี้ที่กู้ยืมจากจีนในรูปพันธบัตร และนโยบายทางการค้าใหม่เพิ่มเติมจากเดิม นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์อาจใช้สถานการณ์การแพร่ระบาด ไวรัสโควิด-19 เร่งผลักดันการโยกย้ายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีนมากขึ้น