นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้ในภาพรวมของกรม โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.2562-เม.ย.2563) จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 70,000 ล้านบาท เตรียมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อประมาณการจัดเก็บรายได้ในปี 2563 ใหม่
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้พิจารณามาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ในช่วงฟื้นฟูหลังโควิด ก่อนหน้านี้มีการเลื่อนชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคลออกไป ขอย้ำว่ารายได้ไม่ได้หายไปไหน มาตรการนี้จะเป็นการช่วยให้ประชาชน ผู้ประกอบการ มีเงินเหลือในกระเป๋าช่วงวิกฤตไปก่อนจะกลับเข้ามาในช่วง ส.ค.นี้
สำหรับธุรกิจอี3คอมเมิร์ซตอนนี้แม้จะขยายตัวได้ดี แต่กรมสรรพากรยังไม่มีนโยบายเข้าไปจัดเก็บภาษีผู้ค้าขายออนไลน์ ถ้าเป็นรายเล็ก มีรายได้ไม่มาก ไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ก็จะมีการส่งทีมวิเคราะห์ข้อมูลเข้าไปหารือ เพื่อสร้างความเข้าใจในการขยายฐานภาษีให้เกิดความเต็มใจในการเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
ทั้งนี้ ผลจากมาตรการลดผลกระทบภาษีจากสถานการณ์โควิด-19 กรมสรรพากรได้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตรา 3% เหลือ 1.5% ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 ก.ย. 2563 เสียรายได้ไปแล้ว 27,000 ล้านบาท และได้เร่งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้วกว่า 95 % จากผู้ขอคืนทั้งหมดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นภาษีที่คืนประมาณ 28,000 ล้านบาท เร่งคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลกว่า 27,185 ล้านบาท