เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายคมกฤช ใจหลัก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลท่านา อำเภอกะปงจังหวัดพังงา ตรวจรับงานจ้างและเบิกจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างบ่อน้ำดิบพร้อมโรงเรือน และติดตั้งเครื่องสูบน้ำและวางท่อน้ำโดยรู้อยู่ว่าการก่อสร้างมีการย้ายที่ตั้งอาคารผิดไปจากแบบแปลนแผนผัง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำมีแรงม้าไม่ได้ขนาดตามที่กำหนดในสัญญา
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 จำคุก 5 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 เห็นชอบตามความเห็นของอัยการสูงสุดที่จะไม่อุทธรณ์คำ พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้