มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในอาเซียนด้านธุรกิจการค้าและการบริการในอาเซียน มีพันธกิจในการสร้างผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation Driven Entrepreneur) เน้นการสอนทักษะการเป็นผู้ประกอบการให้กับนักศึกษาทุกคณะ มีการใช้การเรียนการสอนในระบบ Digital Hybrid Learning System และได้รับการยอมรับในฐานะ Apple Distinguished School ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 – พ.ศ. 2563 นอกจากนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ร่วมมือทางด้านวิชาการกับ Alibaba.com ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์สที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เพื่ออบรมความรู้ด้านธุรกิจอีคอมเมิร์สสำหรับผู้ประกอบการและนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อสร้างผู้ประกอบการที่มีความรู้และทักษะด้านการทำธุรกิจออนไลน์และช่วยผลักดันให้สามารถขยายธุรกิจไปในระดับโลก
ล่าสุดจากวิกฤตไวรัสโคโลน่าโควิด – 19 ทำให้ประชาชนคนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ จึงสร้างเพจFacebook “หอการค้า มาร์เก็ตเพลส” มีสมาชิกเกือบสามหมื่นคน เพื่อให้นักศึกษาตั้งแต่ศิษย์เก่ารุ่นที่1 จนถึงรุ่นปัจจุบันใหม่ล่าสุด สามารถเข้ามาโพสต์ขายสินค้า บริการต่างๆธุรกิจของตนเองได้ เป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถให้พี่น้องชาวหอการค้าไทยได้สร้างโอกาสใหม่ในการขายสินค้าและบริการ ผ่านวิกฤตโควิด – 19 ครั้งนี้ไปให้ได้ โดยการโพสต์ขายสินค้าแต่ละครั้งทุกคนที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกในเพจนี้ จะต้องแจ้งเลขทะเบียน คณะ สาขาที่เคยทำการศึกษาในมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนที่แน่ชัด ที่สำคัญในการโพสต์ขายสินค้าและบริการจะต้องเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือก่อให้เกิดความสียหายแก่บุคคลอื่น
เพจหอการค้า มาร์เก็ตเพลส สามารถจำแนกสินค้าประเภทต่างๆ ได้ดังนี้ อาหาร เกษตร อสังหาริมทรัพย์ ความงาม โรงแรมหรือรีสอร์ท ธุรกิจบันเทิง เสื้อผ้า รถยนต์ ฯลฯ ซึ่งในเพจนี้ยังได้จัดให้มีการบรรยายจากนักวิชาการของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยผ่านเฟสบุ๊ค เพื่อให้ความรู้แนะนำแนวทางการนำพาธุรกิจผ่านช่วงวิกฤตโควิด – 19 นี้ ที่สำคัญเพจยังสนับสนุนกระตุ้นให้นักศึกษาเก่าและใหม่ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ข่าวสารทางธุรกิจระหว่างกัน เพื่อร่วมสร้างพันธมิตรคู่ค้าที่ดีทางธุรกิจระหว่างกัน สามารถจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ขยายตลาดทางธุรกิจต่อไปได้ในอนาคต