ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กับพวก กรณีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษา จ.นครราชสีมา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวม 7 สำนวน
ในส่วนของสำนวนแรก กรณีการทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอล พื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมานั้น มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการสูงสุด (อสส.) และฝ่าย ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวน ที่เหลืออีก 6 สำนวน อยู่ระหว่างการพิจารณาของ อสส.
เงื่อนปมปัญหาคือ ในสำนวนแรก คณะทำงานร่วมฯ ใช้ระยะเวลาพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ ‘เลยเส้นตาย’ ตามกรอบเวลา มาตรา 77 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งครบกำหนด 27 พ.ค. 2563 แต่คณะทำงานร่วมฯประชุมนัดสุดท้ายเมื่อ 8 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา
สาระสำคัญในการประชุมคณะทำงานร่วมฯนัดสุดท้าย ได้ข้อสรุปว่า ข้อไม่สมบูรณ์ดังกล่าวดำเนินการได้เรียบร้อยดี จากนี้จะนำเสนอความเห็นให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ดีคณะทำงานร่วมฯฝ่ายอัยการ ไม่ได้แจ้งอย่างชัดเจนว่า มีความเห็นว่าสมควรสั่งฟ้องนายวิรัช กับพวก คดีดังกล่าวหรือไม่
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีนี้ มีข้อมูลยืนยันว่า คณะทำงานร่วมฯ มีมติเห็นควรสั่งฟ้องนายวิรัช รัตนเศรษฐ กับพวก ในคดีดังกล่าวแล้ว โดยเสนอเรื่องไปยัง อสส. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ท่าทีของฝ่ายอัยการในช่วงหลัง ไม่เผยแพร่ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวมากนัก อาจเกิดจากปัจจัยของตัวผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นนักการเมืองระดับชาติ และเป็นแกนนำสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่อยากเผยแพร่ข่าวออกไป เพราะกังวลว่าอาจเผชิญแรงกดดันทางการเมือง อยากให้รอขั้นตอนถึงที่สุดคือ อสส.ลงนามสั่งฟ้องก่อน จึงแถลงอย่างเป็นทางการ
เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สำนักงาน อสส. ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลายประเด็น เช่น กรณีไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินจากการทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ที่มีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย แม้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะทำความเห็นแย้งว่าคดีนี้มีประเด็นสำคัญเห็นควรให้ศาลสูงวินิจฉัยก็ตาม
นอกจากนี้ยังยังมีกรณีไม่สั่งฟ้อง นายอนันต์ อัศวโภคิน อดีตผู้บริหารบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในคดีร่วมกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในคดีฟอกเงิน ส่งผลให้ดีเอสไอต้องทำความเห็นแย้งไปยังฝ่ายอัยการเห็นสมควรสั่งฟ้อง เนื่องจากข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่า นายอนันต์อาจมีส่วนรู้เห็นกับนายศุภชัย เป็นต้น
เหตุผลเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ฝ่ายอัยการพยายามบอกฝ่าย ป.ป.ช. ว่าอย่าเพิ่งให้ข่าวหรือข้อมูลคดีทุจริตเงินงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลที่กล่าวหานายวิรัช กับพวก แก่สื่อมวลชน เพราะเกรงว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อีก?ท้ายที่สุด อสส. จะพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป!