นายประวิทย์ เตชชีวพงศ์ เกษตรอำเภอเมืองตรังพร้อมด้วยนายประทิ่น วรรณงาน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการฯและเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลบางรัก อ.เมืองตรัง พาชิมทุเรียนป่าอายุไม่ต่ำกว่า 170 ปีที่บ้านของนางละออง วังกุลางกูร อายุ 76 ปีที่หมู่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งร่ำลือกันว่าทุเรียนป่าต้นนี้มีรสชาติหวานมัน หอมและไม่มีหนอนเจาะผลทุเรียน รวมทั้งไม่เคยเน่าเสียเลยแม้แต่ลูกเดียว
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบต้นทุเรียนป่าอายุกว่า 170 ปี ยังคงมีลูกดกเต็มต้น ความสูงจากพื้นดินประมาณ 30 เมตร ขนาดความกว้าง 3 คนโอบและมีลูกสุกร่วงหล่นลงมาเต็มกะละมังในคืนเดียว โดยแต่ละลูกจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักคือประมาณ700 กรัมถึง 1 กิโลกรัม เมื่อเจ้าหน้าที่ฯ ปอกดูเนื้อในนับสิบลูก ไม่พบเน่าเสียแม้แต่ลูกเดียว อีกทั้งรสชาติออกมันมากกว่าหวาน เนื้อสวย แน่นเต็มวาง ซึ่งคุณยายละอองภูมิใจกับทุเรียนป่าต้นนี้มาก หมั่นรดน้ำแม้ในช่วงหน้าแล้งเพื่อไม่ให้ยืนต้นตายและได้เก็บขายมาตั้งแต่ยังเด็กเพื่อหาเงินไปเรียนหนังสือ และด้วยรสชาติที่หวานมันไม่เหมือนใคร คุณยายละอองจึงทิ้งเมล็ดทุเรียนป่าเพื่อเพิ่มจำนวน แต่รสชาติก็ไม่เหมือนกับต้นเดิม โดยในวันนี้ นายประทิ่นฯ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตรัง จึงได้แนะนำลูกชายของคุณยายละอองให้รู้จักวิธีเพาะเมล็ดอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้ต้นทุเรียนที่มีรสชาติเหมือนต้นเดิมมากที่สุด สร้างความดีใจให้กับคุณยายเป็นอย่างมากจึงได้ยกทุเรียนป่าทั้งกะละมังให้กินโดยไม่หวง แต่หากขายก็มีคนมาเหมาซื้อทุกปีราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 30-50 บาท แต่ปีนี้คุณยายไม่ขายเพราะผลผลิตมีน้อยหรือประมาณ 250 ลูกเนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่านมา
โดยคุณยายละอองเล่าว่า มีมาตั้งแต่สมัยทวด ซึ่งทวดมาจากเมืองจีนและมาจับจองที่นี่ซึ่งเป็นป่าอยู่ในตอนนั้น อายุประมาณ 170 ปี ซึ่งทุกปีทุเรียนจะมีลูกประมาณ 500 ลูกแต่ปีนี้มีลูกน้อยที่สุดคือครึ่งต่อครึ่ง โดยตนได้ขายทุเรียนมาตั้งแต่สมัยเด็กๆต้องหิ้วทุเรียนไปขายราคาคู่ละ 5 บาท ถือว่าเป็นทุเรียนที่อายุมากที่สุดในละแวกนี้ เป็นทุเรียนป่าสมัยทวดเดินทางมาทางเรือจากเมืองจีน ซึ่งมีอายุประมาณ 170 ปี