นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในการสัมมนาโครงการเปิดเมืองปลอดภัย ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 รับมือมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ว่า ภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการเปิดธุรกิจอย่างปลอดภัย เนื่องจากเห็นว่า หลังการปลดล็อคผ่อนคลายธุรกิจทั้งในระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ผ่านมาแล้วนั้น มีเม็ดเงินกลับเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อเดือน และในขณะนี้ ศบค. กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณามาตรการปลดล็อคระยะที่ 4 ซึ่งการผ่อนคลายธุรกิจ รวมถึงการท่องเที่ยวมากขึ้นนั้นจะทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นและอาจทำให้มีการระบาดของโควิด-19 ในประเทศรอบใหม่ได้
แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า จากมาตรการที่เข้มงวด การระบาดรอบใหม่จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงและเชื่อว่าธุรกิจจะสามารถรับมือเดินหน้าต่อไปได้ และพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว รวมถึงนักลงทุนกลับเข้ามาภายในประเทศ ในขณะที่ประชาชนเองจะต้องมีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อเพิ่มเงินให้เกิดการหมุนเวียน ภายในท้องถิ่น รักษาระดับเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวลงมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งทางภาคเอกชนได้ประเมินว่า เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 3-5 ในขณะที่ IMF ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวติดลบร้อยละ 6-7