มะเร็งโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของมะเร็งคอหอยส่วนปากมีแนวโน้มที่พบมากขึ้นในคนไทย ผู้ป่วยส่วนมากที่เป็นโรคนี้มักจะได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลามแล้ว แนะนำพบแพทย์หากมีอาการกลืนลำบาก กลืนเจ็บ เลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยน มีก้อนที่คอ เน้นให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ทางการแพทย์ถือว่ามะเร็งโคนลิ้นเป็นส่วนหนึ่งของมะเร็งคอหอยส่วนปากหรือที่เรียกว่ามะเร็งคอหอยหลังช่องปาก แม้ขณะนี้จะพบมะเร็งดังกล่าวได้น้อยในคนไทย โดยในปี 2558 พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งคอหอยส่วนปากรายใหม่ 674 ราย ซึ่งถือว่าน้อยถ้าเทียบกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีปีละ 122,757 ราย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มที่จะพบมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยชนิดของมะเร็งคอหอยส่วนปากที่พบบ่อยที่สุด คือ มะเร็งชนิด Squamous cell carcinoma ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับมะเร็งศีรษะและลำคอที่พบมากที่สุด ส่วนสาเหตุของการเกิดมะเร็งคอหอยส่วนปากนั้น เกิดจากการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การมีคู่นอนหลายคนและการมีเพศสัมพันธ์ทางปากจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคนี้ด้วย
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเกี่ยวกับอาการของมะเร็งคอหอยส่วนปากว่า ผู้ป่วยมักมีอาการกลืนลำบาก เจ็บคอเวลากลืนอาหาร มีเลือดออกทางช่องปาก ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยน มีก้อนที่คอ หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ส่องกล้องทางหูคอจมูกเพื่อตรวจในลำคอ หากจำเป็นแพทย์จะสั่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กเพิ่มเติม
ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า การรักษามะเร็งคอหอยส่วนปากระยะเริ่มต้นเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนควรตระหนัก เพราะหากพบระยะเริ่มต้นจะสามารถรักษาอย่างทันท่วงทีและมีโอกาสหายสูง วิธีการรักษา ได้แก่ การให้รังสีรักษา และการผ่าตัด ส่วนการรักษากรณีเป็นมะเร็งระยะลุกลามที่ผ่าตัดไม่ได้ คือการให้รังสีรักษาควบคู่กับเคมีบำบัด ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคำนึงหลายประการ
สำหรับการป้องกันโรคทำได้โดยการงดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา รวมถึงมีการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ที่สำคัญหากมีอาการหรือสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งคอหอยส่วนปาก ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งคอหอยส่วนปากได้