เอกชนหนุนรัฐบาลเร่งผลักดันการท่องเที่ยวทั้ง “เที่ยวปันสุข-Travel Bubble” หวังกระตุ้นกำลังซื้อทั้งในและต่างชาติฟื้น ปลุกเศรษฐกิจครึ่งหลังคึกคัก
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงนโยบาย “เที่ยวปันสุข" กับ "Travel Bubble” ว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญด้านการท่องเที่ยว โดยกำหนดทิศทางให้ชัดเจนแบบรอบด้าน โดยเฉพาะโครงสร้างของซัพพลายเชนด้านการท่องเที่ยว ว่านักท่องเที่ยวเมื่อมาแล้วจะพักที่ไหน เที่ยวที่ไหน และมีมาตรการควบคุมหรือแก้ปัญหาได้ทันทีเมื่อเกิดการแพร่ระบาด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย
วันนี้ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัย ดังนั้นการจะเดินหน้าโครงการ Travel Bubble หรือการเปิดประเทศด้วยการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางกับประเทศที่ควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น โดยรัฐบาลสามารถทำในรูปแบบ G2G (Government to Government) กำหนดขั้นตอนและรายละเอียดร่วมกัน
ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศ "เที่ยวปันสุข" ก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายได้ โดยพบว่าตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน มีผู้คนเข้ามาภายในย่านนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 100% ในแต่ละเดือน อย่างไรก็ดี RSTA ได้วางแผนและดำเนินการในมาตรการต่างๆ ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจแบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ
เฟส 1 การสร้างมาตรฐานความสะอาด เป็นพื้นที่ปลอดโควิด-19 เพื่อเป็น Model Flagship ให้แก่พื้นที่สาธารณะกึ่งแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ใช้เป็นกรณีศึกษา
เฟส 2 โปรเจ็กต์ Stronger Together : Arts from the Heart ในช่วงเดือนมิถุนายน -สิงหาคม 2563 เพื่อดึงนักท่องเที่ยวคนไทย มาชมงานศิลปะในย่านราชประสงค์ และเฟส 3 ในช่วงปลายปี คือการจัดแคมเปญรองรับ Travel Bubble
ด้านนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจในประเทศคึกคักรัฐบาลต้องส่งเสริม และผลักดันทั้งด้านการช็อปปิ้งและท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไลเดียวที่จะทำให้เกิดการบริโภค ทั้งไทยเที่ยวไทย และ Travel Bubble เพราะวันนี้ประเทศไทยยังต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงควรเริ่มดำเนินการจับคู่ เตรียมความพร้อม และวางแผนให้ดีตั้งแต่ไตรมาส 3 เพื่อกระตุ้นให้ไตรมาส 4 กลับมาคึกคัก