นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับการรื้อทุบทำลายอาคารบอมเบย์เบอร์มา อายุ 131 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ทางด้านการทำไม้ในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในสวนรุกขชาติเชตวัน สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โดยอ้างว่าเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมให้ดีขึ้น ภายใต้งบพัฒนาจังหวัดแพร่โดยใช้งบประมาณ 4,560,000 บาทนั้น การรื้อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าวเป็นที่แปลกใจของชาวแพร่ และประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมากว่า เหตุใดจึงไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ที่จะต้องมีการทำทะเบียนไม้หรือทำโค๊ตไม้แต่ละชิ้นที่ถอดออกมา เพื่อนำมาฟื้นฟูปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อนำกลับไปสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม โดยใช้ไม้เดิมๆ จึงจะถือว่าเป็นการอนุรักษ์คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของอาคารดังกล่าวให้ยั่งยืนต่อไปได้
วิธีการดังกล่าวตรงกันข้ามกับคำให้สัมภาษณ์ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่อ้างว่าได้รับรายงานจากนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ชี้แจงว่าเป็นการซ่อมแซมอาคารแต่ของบประมาณจังหวัด ส่วนการรื้ออาคารซึ่งเป็นไม้ทั้งหลัง ไม่ได้เอาไม้ไปไหน ไม้ทุกแผ่นยังกองอยู่ที่เดิม ส่วนสาเหตุที่ต้องรื้อไม้ลงมา เพราะฐานรากคอนกรีตของอาคารเสื่อมสภาพ การจะซ่อมแซมได้ต้องทุบทิ้งแล้วทำฐานใหม่ เมื่อทำฐานเสร็จก็จะนำไม้ที่รื้อออกมาประกอบเป็นตัวอาคาร
ล่าสุด สมาคมฯได้รับข้อมูลที่ผิดปกติเกี่ยวกับการรื้อทุบทำลายอาคารดังกล่าวจากสายข่าว กอ.รมน.แจ้งว่า มีการเจรจาซื้อขายไม้เก่าชั้นดีบางส่วนที่รื้อออกมาจากอาคารบอมเบย์เบอร์มาออกขายไปแล้ว โดยพ่อค้าไม้เฮือนเก่าจากบ้านปงท่าข้าม อ.สูงเม่น จ.แพร่ โดยมีความพยายามที่จะขนย้ายไม้เก่าออกจากพื้นที่ในเวลากลางคืนเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ในจังหวัดแพร่ต้องประสานเพื่อดักจับกุม หากมีการลักลอบขนย้ายกันจริง แต่พอเรื่องดังกล่าวเป็นข่าวดังขึ้นมามีการเจรจาขอไม้บางส่วนคืน แต่ถูกปฏิเสธเพราะ “คืนไม้ไม่คืนเงิน”
กรณ๊ดังกล่าวถ้าเป็นไปตามการแจ้งของสายข่าว กอ.รมน.ย่อมชี้ให้เห็นว่าการรื้อทำลายอาคารบอมเบย์มีเจตนาที่จะไม้เอาไม้เก่ามาประกอบเป็นอาคารเหมือนเดิม หากแต่จะเอาไม้ไม่ทั้งหมดมาดำเนินการ ซึ่งผิดหลักการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารอนุรักษ์โดยสิ้นเชิง และสิ่งที่รัฐมนตรีพูดจะถือว่าเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือไม่