วันที่ 20 มิถุนายน 2563 เวลา 9.30 ที่ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พบและรับมอบกระเช้าไข่ไก่เพื่อเป็นการรับความขอบคุณจากกระสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ และ สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ นำโดยนายมงคล พิพัฒน์สัตายานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้ส่งออกไข่ไก่ นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ และนายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้และคณะ โดยทั้งหมดได้กล่าวขอบคุณพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ไข่ไก่ปัจจุบันต่อแก้ปัญหาด้านราคา
จากนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องไข่ไก่ ตอนที่ไข่ขาดแคลนในช่วงวิกฤติโควิด-19 ตอนนั้นกระทรวงพาณิชย์ก็เร่งแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็วในการห้ามส่งออก เพื่อที่จะให้มีปริมาณไข่ในประเทศพอสำหรับผู้บริโภคในช่วงวิกฤติและในช่วงที่ตื่นตระหนกกับการล็อคดาวน์ประเทศ การล็อกดาวน์หลายจังหวัด แต่พอห้ามส่งออกสถานการณ์ก็คลี่คลายจนกระทั่งถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่ปริมาณความต้องการบริโภคก็ลดลงเพราะหลังจากตุนไว้ได้อาทิตย์สองอาทิตย์ความต้องการจากนั้นก็น้อยลงเพราะต้องทยอยบริโภค
แต่มาถึงขณะนี้ปรากฏว่าสถานการณ์พลิกกลับ เพราะเป็นวัฏจักรประมาณนี้ ไข่ไก่ก็เริ่มล้นตลาด กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯ ก็ต้องมาทำหน้าที่ในการช่วยคลี่คลายปัญหาอีกครั้งหนึ่ง โดยประสานงานกับทางสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ในทุกภาคและในส่วนกลางมาร่วมกัน โดยกรมการค้าภายในได้มีมาตรการในการที่จะช่วยทำ 2 เรื่อง คือ เรื่องที่หนึ่ง การช่วยระบายไข่ไปยังต่างประเทศ โดยส่งเสริมให้ผู้ส่งออกสามารถลดต้นทุนการส่งออกโดยใช้วิธีการสนับสนุนถ้าไข่ส่งออกหนึ่งฟองจะช่วย 25 สตางค์ ในปริมาณ 200,000,000 ฟองและขณะเดียวกันสมมุติว่าการช่วยการส่งออกฟองละ 25 สตางค์นั้นมีผลทำให้ราคาไข่ไก่ขึ้นไปถึงฟองละ 3 บาท จนจะเป็นปัญหากับผู้บริโภคเมื่อไรก็จะหยุดในการที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออก เพื่อรักษาดุลยภาพของปริมาณความต้องการบริโภคในประเทศกับปริมาณการผลิตและการส่งออกให้เข้าสู่สภาพสมดุลตามกลไกตลาด
เรื่องที่สอง คือ ในช่วงที่ไข่ไก่ล้นนั้นกระทรวงพาณิชย์ก็มีนโยบายพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot ที่ 4 ที่จะจัดเต็นท์ขายไข่ไก่ราคาถูกกระจายไปทุกอำเภอ 878 อำเภอทั่วทั้งประเทศ ในราคาฟองละ 2 บาทแพ็คละ 10 ฟอง ราคาแพ็คละ 20 บาท เพื่อส่งเสริมการบริโภคไข่ไก่ซึ่งได้ผล มีส่วนช่วยให้ปริมาณไข่จากฟาร์มก็ลดลง ไม่ค้างสต๊อก ขณะเดียวกันราคาไข่จากหน้าฟาร์มก็ค่อยๆขยับสูงขึ้น แต่ในลักษณะที่ยังไม่ถึงกับเป็นปัญหากับผู้บริโภค
“ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่และกระทรวงเกษตรฯ ก็จะร่วมมือการติดตามต่อไปเพื่อที่จะดูแลทั้งสามฝ่ายให้ดีที่สุดทั้งสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ทั้งผู้ส่งออกไข่ไก่ และผู้บริโภค” นายจุรินทร์ กล่าว