นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น คนไทยจะมั่นใจได้มากแค่ไหนที่ภายในประเทศจะไม่มีการพบเชื้ออีกครั้ง นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราสามารถมั่นใจในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศเป็นระยะเวลา 32 วันแล้ว แต่ประเทศอื่นๆ ก็ยังมีการระบาดอยู่ รวมถึงบางประเทศกลับมาระบาดระลอกที่ 2 ส่วนข้อที่สอง สถานการณ์ของโลกในขณะนี้ที่มีผู้ติดเชื้อเกือบถึง 10 ล้านราย เสียชีวิตหลาย 1,000 คน แสดงให้เห็นว่าโลกยังวิกฤตอยู่ ถึงแม้ประเทศเราจะไร้เชื้อแต่สถานการณ์ทั่วโลกก็ยังไม่น่าไว้วางใจ ส่วนข้อที่สามเราจะต้องปกป้องตัวเราเอง คือ การทำตาม 5 มาตรการหลัก รวมถึงการใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ ทุกคนจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ แต่เมื่อการผ่อนคลายระยะที่5 ซึ่งกิจกรรมและกิจการมีการใกล้ชิดและอยู่ในสถานบันเทิง เป็นสาเหตุในการแพร่ระบาดของเชื้อในระยะเริ่มแรก ตนจึงขอให้ทุกคนยอมรับในการใช้วิถีชีวิตใหม่ เพราะจะสามารถสกัดการแพร่ระบาดในระยะเริ่มต้นได้ จะไม่ทำให้ประเทศไทยซ้ำรอยเหมือนที่เมืองแทวอนประเทศเกาหลีใต้
ส่วนของนักธุรกิจที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศรวมถึงคณะถ่ายทำจากประเทศจีนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย มีมูลค่าหลาย 100 ล้านบาท ส่วนตัวมองว่าจะต้องนำร่างข้อเสนอจากกลุ่มนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในระยะสั้น และการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในระยะสั้น ซึ่งสามารถนำแผนของการเดินทางให้เราตรวจสอบได้ คือ ต้องมีการตรวจโควิด-19 อย่างน้อย 3 ครั้ง คือ ก่อนเดินทาง / เมื่อมาถึง และก่อนออกจากประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจรวมถึงระหว่างอยู่ประเทศไทยต้องสามารถติดตามตัวได้ตลอด ซึ่งนักธุรกิจจะต้องยอมรับให้ได้ เราถึงจะอนุญาตให้เข้ามาทำธุรกิจในไทยได้ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้
ในส่วนของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทย และอยู่ในสถานที่รัฐจัดให้ จะมีการให้ขยายเวลากักตัวมากกว่า 14 วันได้หรือไม่ นายแพทย์ทวีศิลป์ เผยว่า ระยะเวลาในการตรวจพบเชื้อเราจะตรวจวันที่ 3 – 5 พวกติดเชื้อส่วนใหญ่พบน้อยกว่า 7 วัน ร้อยละ 85 พบตั้งแต่ 7 วันขึ้นไปร้อยละ 15 ตั้งแต่ 11 วันขึ้นไป ร้อยละ 8 แต่จำนวนวันในการตรวจหาเชื้อจะสามารถเพิ่มขึ้นได้สองถึงสามเท่า
ทางด้าน ของ ศบค. จะยังไม่อนุญาตให้คนต่างชาติแบบนักท่องเที่ยวเข้ามาภายในประเทศ อนุญาตเพียงต่างชาติที่มาเฉพาะแบบเจาะจง คือ นักลงทุน นักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานระยะสั้น ๆ หรือคนที่ต้องเข้ามาดูแรงงานและเครื่องจักร ครู อาจารย์ แรงงานมีฝีมือ รวมคนที่มีครอบครัวเป็นคนไทย สามารถเข้ามาได้ ส่วนการจับคู่ประเทศท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือ Travel Bubble นั้น ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนเพราะประเทศที่จับคู่ กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ไทยจะต้องศึกษาและพูดคุยกันในหลายหน่วยงาน ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกัน สมช. ยังมีความกังวลในการนำผู้ป่วยมารักษาในไทย พวกที่มาเสริมความงาม หรือใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ สามารถเข้าทำการรักษาในไทยได้
ทั้งนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า วันจันทร์นี้ (29 มิ.ย.) จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในเรื่องของมาตรการต่าง ๆ ที่จะมีการเพิ่มเติม คือ มาตรการการผ่อนคลายระยะที่ 5 ของสถานการประกอบ ผับ บาร์ โดยจะตัดสินว่าจะดำเนินการ อย่างไร ข้อที่สอง บุคคลที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หรือชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในระยะสั้น ๆ ข้อที่สาม การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีกหนึ่งเดือน ข้อมี่สี่ การเปิดเทอมของเด็กตามชายแดน ที่มีความสุ่มเสี่ยงในการตืดเชื้อ และข้อมี่ห้า การขอยกเว้นมาตรการการเว้นระยะห่าง 1 เมตร ในรถขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะมีการพูดคุยอย่างชัดเจน และเคาะถึงข้อสรุปในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวในช่วงท้ายอีกว่า มาตรการต่าง ๆ จะนำเข้าสู่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันจันทร์หน้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม รวมถึงการผ่อนคลายระยะที่ 5 ทุกคนจะต้องใช้ความระวังในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
