นายสนธิรัรตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงได้ปรับแผนการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับภาคประชาชน (โซลาร์ภาคประชาชน) โดยปรับลดเป้าหมายปริมาณการผลิตไฟฟ้าตามโครงการนี้เหลือ 50 เมกะวัตต์/ปี จากเดิมที่ 100 เมกะวัตต์/ปี หลังในปี 62 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดโครงการมีประชาชนเข้าร่วมโครงการน้อยมากเพียง 1.8 เมกะวัตต์ (MW) เท่านั้น
สาเหตุที่ต้องปรับลดปริมาณการส่งเสริมผลิตไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชน เนื่องจากมีประชาชนเข้าร่วมโครงการน้อยมาก ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากราคารับซื้อของภาครัฐที่ระดับ 1.68 บาท/หน่วยไม่จูงใจมากนัก รวมถึงความยุ่งยากในการดำเนินการ ตลอดจนต้องมีเงินทุนสนับสนุน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ หากประชาชนหันมาติดโซลาร์รูปท็อปเป็นจำนวนมาก
โดยที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชนในเร็ว ๆ นี้ เพื่อผลักดันให้เกิดโครงการต้นแบบโซลาร์ภาคประชาชน จำนวน 50 เมกะวัตต์ ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่ 29 มิ.ย.63 โดยคณะทำงานที่จะตั้งขึ้นจะเข้ามาพิจารณาปัญหา อุปสรรค การติดตั้งโซลาร์ภาคประชาชน รวมถึงราคารับซื้อไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้พิจารณาจัดตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้คณะทำงานชุดที่จะตั้งขึ้นจะมีการพิจารณาด้านราคารับซื้อไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปด้วย โดยเห็นว่ารัฐไม่จำเป็นต้องให้เงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) แต่ราคาควรจูงใจ ซึ่งอาจเท่ากับหรือต่ำกว่าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขายส่งไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ในอัตราเกือบ 3 บาท/หน่วย นอกจากนี้จะพิจารณาว่าปริมาณรับซื้อไฟฟ้า 50 เมกะวัตต์ อาจจะเพิ่มขึ้นได้หากความต้องการในอนาคตสูงขึ้น เป็นต้น