(2 ก.ค. 63) ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร : พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับมอบที่ดินบริจาค จำนวน 2 แปลง ในพื้นที่เขตทวีวัฒนา รวมพื้นที่ 2 ไร่ มูลค่า 10,400,000 บาท จาก นายวรินทร์ เขียวสะอาด นายจักรกริศน์ เขียวสะอาด นางสาวนัทธ์หทัย อือนอก และนางสาวเบญจมา อือนอก ผู้ประสงค์ร่วมบริจาคที่ดินดังกล่าว ซึ่งกรุงเทพมหานครจะนำที่ดินไปใช้ในการก่อสร้างสถานีดับเพลิงและกู้ภัยตลิ่งชันแห่งใหม่ต่อไป โดยมี นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ พ.ต.ท.สมเกียรติ นนทแก้ว ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมพิธี ในการนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบโมเดลจำลอง “เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยปีนบันไดช่วยเหลือผู้ประสบภัย” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แก่ผู้ประสงค์ร่วมบริจาคที่ดินดังกล่าวเป็นที่ระลึกด้วย
ทั้งนี้ สถานีดับเพลิงและกู้ภัยตลิ่งชัน เป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่แขวงศาลาธรรมสพน์ และแขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา รวมพื้นที่รับผิดชอบ 50 ตารางกิโลเมตร แต่เนื่องจากปัจจุบันสถานีดับเพลิงและกู้ภัยดังกล่าว มีที่ทำการตั้งอยู่เลขที่ 21 หมู่ที่ 5 ถนนศาลายา-บางภาษี ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งห่างไกลจากพื้นที่ปฏิบัติงาน ประมาณ 5 กิโลเมตร ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคทั้งด้านการเดินทาง ปัญหาการจราจร และการปฏิบัติงานจากที่ทำการปัจจุบันเข้าพื้นที่ปฏิบัติการ ดังนั้นหากมีที่ทำการตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบจะมีความสะดวก รวดเร็ว ในการออกปฏิบัติหน้าที่ แต่ทั้งนี้การหาสถานที่ตั้งที่ทำการแห่งใหม่ มีข้อจำกัดด้านงบประมาณในการจัดซื้อที่ดินซึ่งมีราคาแพง อีกทั้งจะต้องมีขนาดพื้นที่เหมาะสมสำหรับจอดรถดับเพลิงและรถกู้ภัยขนาดใหญ่อีกด้วย การที่มีผู้ประสงค์ร่วมบริจาคที่ดินจำนวน 2 แปลงติดกัน รวมพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ในพื้นที่เขตทวีวัฒนา เพื่อให้กรุงเทพมหานครใช้ในการก่อสร้างสถานีดับเพลิงและกู้ภัยตลิ่งชันในครั้งนี้ จึงมีคุโณปการต่อกรุงเทพมหานครอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ผลักดันทันใจ แก้ไขทันที (NOW)” ของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายที่จะก่อสร้างสถานีดับเพลิงเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและเตรียมความพร้อมในการป้องกันเหตุสาธารณภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกด้วย